ถ้าพูดถึงเครื่องดื่มซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวออฟฟิศ โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าๆ เชื่อว่าหลายคนต้องยกให้ “กาแฟ” เป็นหนึ่งในเมนูเครื่องดื่มที่เลือกซื้อก่อนเข้าทำงานอย่างแน่นอน เพื่อเรียกความสดชื่นให้กับร่างกาย เนื่องจากกาแฟ มีสารที่มีชื่อว่า คาเฟอีน จัดเป็นสารกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และเมตาบอลิซึมหรือกลไกการเผาผลาญสารอาหารในร่างกาย เพื่อลดความง่วง ความเหนื่อยล้า ส่งผลกระตุ้นเส้นประสาท ด้วยการปล่อยโปแตสเซียมและแคลเซียม เข้าสู่เซลล์ประสาท เพิ่มการตื่นตัวของร่างกาย ใครที่ได้กินกาแฟเข้าไป จึงมีความกระปรี้กระเปร่า

อย่างไรก็ดี แม้ว่ากาแฟจะมีข้อดีในด้านของสร้างความสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่ถ้ากินมากเกินไปก็ไม่ดีต่อร่างกายนะเพื่อนๆ ว่าแต่กินกาแฟยังไง? ถึงจะได้ประโยชน์ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนยังไม่รู้ สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อมูลมาฝาก
1.สังเกตอาการของตัวเองหลังกินกาแฟให้ดี
เหมือนกับการกินแอลกอฮอล์ หากเรารู้อาการ และลิมิตของตัวเองดีว่า เราสามารถกินกาแฟได้กี่แก้วโดยที่เราไม่รู้สึกถึงฤทธิ์ของคาเฟอีนมากเกินไปจนทำให้ใจสั่น มือสั่น หรือนอนไม่หลับ เราก็จะทราบปริมาณที่เหมาะสมในการกินกาแฟต่อวันของเรา ซึ่งในแต่ละคนมีปริมาณที่ร่างกายทนต่อคาเฟอีนได้ในปริมาณที่แตกต่างกัน รวมถึงชนิดของกาแฟ ความเข้ม ความจางของกาแฟด้วย
2.เลือกกินกาแฟดำไม่ใส่น้ำตาล
ส่วนใหญ่ที่กินกาแฟกันแล้วอ้วนขึ้น อาจเป็นเพราะน้ำตาลที่มากับกาแฟที่ใส่เพิ่มมาด้วย หากติดกาแฟ และต้องการใช้ประโยชน์จากคาเฟอีนจริงๆ ควรเลือกกาแฟดำ หรืออเมริกาโน เพื่อให้ได้รสชาติและประโยชน์จากกาแฟล้วนๆ ไม่รวมน้ำตาลและอื่นๆ ที่ใส่เพิ่มเข้ามา

3.ไม่กินกาแฟจนรบกวนการนอนหลับพักผ่อน
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับคนที่ชอบกินกาแฟ คือ การกินกาแฟในปริมาณหรือช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสม เช่น ในช่วงเย็นๆ ที่ทำให้ฤทธิ์ของคาเฟอีนเข้าไปรบกวนการนอนหลับ ทำให้นอนไม่หลับได้ ดังนั้น เพื่อนๆ ควรงดกินกาแฟในช่วงหลัง 4-6 โมงเย็นเป็นต้นไป
4.ไม่กินกาแฟขณะท้องว่าง
หลายคนอาจเคยสังเกตเห็นว่ากาแฟมักขายคู่กับอาหารอื่นๆ เช่น คุกกี้ โดนัท ขนมปัง แซนวิช และอื่นๆ ในมื้อเช้า เพราะจริงๆ แล้วการกินกาแฟในขณะที่ท้องว่าง อาจเข้าไปเร่งการหลั่งกรดย่อยอาหารในกระเพาะอาหารได้ ดังนั้น หากเพื่อนๆ กินกาแฟไปพร้อมๆ กับอาหารเช้า ก็จะช่วยป้องกันเรื่องนี้ได้
5.ไม่กินกาแฟทุกค่ำคืน
หลายคนเลือกกินกาแฟทุกครั้งที่ต้องอยู่อ่านหนังสือหรือทำงานตอนกลางคืนจะได้ไม่ง่วง แม้ว่าฤทธิ์ของคาเฟอีนจะช่วยให้สมองของคุณตื่นตัวได้ชั่วคราว แต่ไม่ควรใช้มุกนี้ในการอยู่โยงตอนกลางคืนตลอดเวลา เพราะอย่างไรสมองก็ยังคงต้องการการพักผ่อนที่แท้จริงมากกว่า

6.กินแคลเซียมทดแทน
หากคุณดื่มกาแฟเป็นประจำ ควรกินอาหารที่เป็นแหล่งของแคลเซียมให้มากขึ้น เช่น นม โยเกิร์ต ปลาเล็กปลาน้อย คะน้า บรอกโคลี เป็นต้น เพื่อทดแทนแคลเซียมที่สูญเสียไปกับปัสสาวะ และลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุน หรืออาจปรับเปลี่ยนโดยการชงกาแฟใส่นมแทนครีมเทียม เป็นต้น
7.กินผักผลไม้ให้มากขึ้น
กินผักผลไม้อย่างเพียงพอทุกวัน เนื่องจากในกระบวนการคั่วเมล็ดกาแฟจะมีอนุมูลอิสระเกิดขึ้น วิตามินซี อี และบีตาแคโรทีนในผักผลไม้ เช่น มะเขือเทศ แคร์รอท ผักใบเขียว ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน เป็นต้น จะช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกายได้
8.กินน้ำเปล่ามากๆ
การกินน้ำสะอาดมากๆ ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีในการชดเชยการสูญเสียน้ำจากฤทธิ์ในการขับปัสสาวะของคาเฟอีน

รู้ถึงข้อดี ข้อเสียของการกินกาแฟกันแล้ว เพื่อนๆ ก็อย่าลืมปรับพฤติกรรมการกินกาแฟให้มีความเหมาะสมกันนะคะ เพื่อจะได้ประโยชน์สูงสุดเมื่อเพื่อนๆ ต้องกินกาแฟแก้ง่วง และเรียกความสดชื่นในเวลาทำงาน
ขอบคุณข้อมูลจาก : มูลนิธิหมอชาวบ้าน , ผู้จัดการออนไลน์ และ sanook