วันที่ 18 มกราคมของทุกปี คือ วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช วันกองทัพไทย และวันยุทธหัตถี ถือเป็นวันที่มีความสำคัญของประชาชนชาวไทย เพราะวันนี้ถือเป็นหนึ่งในสำคัญของประวัติศาสตร์ และเป็นวันที่จดจำของชาวไทย นั่นก็คือ เหตุการณ์ “ยุทธหัตถี” ระหว่างสมเด็จพระนเรศวรมหาราชกับพระมหาอุปราชา เมื่อ พ.ศ. 2135 อันถือเป็นการศึกที่ยิ่งใหญ่ซึ่งปรากฏในหน้าเอกสารทางประวัติศาสตร์
จากความสำคัญดังกล่างทำให้นักประวัติศาสตร์ส่วนหนึ่งมองว่า วันที่ 18 มกราคม ควรเป็นวันยุทธหัตถี เพราะเป็นวันที่พระองค์ได้รับชัยชนะ มากกว่าวันที่ 25 มกราคมที่เคยยึดเป็นวันกองทัพไทยมาก่อน ด้วยเหตุนี้ จึงมีการเปลี่ยนวันยุทธหัตถีมาเป็นวันที่ 18 มกราคม เมื่อ พ.ศ. 2549 ต่อมาได้มีการกำหนดให้เป็นวัน วันกองทัพไทย และวันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช

ความเป็นมาวันกองทัพไทยนั้น เกิดขึ้นจากสงครามยุทธหัตถีในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2135 ในครั้งนั้นพระเจ้านันทบุเรงได้ให้พระมหาอุปราชายกทัพใหญ่มาตีกรุงศรีอยุธยา สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงทราบข่าวจึงยกทัพหลวงไปตั้งรับที่หนองสาหร่าย ซึ่งระหว่างที่การรบกำลังดำเนินอยู่นั้น ช้างพระที่นั่งของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และพระเอกาทศรถ ก็ได้ไล่ล่าศัตรูไปจนออกนอกเขตแดน จนทำให้ทั้งสองพระองค์ตกไปอยู่ในวงล้อมของศัตรูโดยไม่รู้ตัว
แต่ถึงแม้จะอยู่ในสภาวะเสียเปรียบ พระองค์ก็มีพระสติ ไม่หวั่นไหว และทรงแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ว่าทางที่จะรอดได้มีเพียงทางเดียวเท่านั้น คือเชิญพระมหาอุปราชาเสด็จมาทำยุทธหัตถี ในท้ายที่สุดพระองค์ก็สามารถกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะอย่างสมพระเกียรติ และนับตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีกองทัพใดกล้ายกทัพมาตีกรุงศรีอยุธยาอีกเลย ทำให้ในสมัยนั้นไทยได้ขยายอาณาเขตไปอย่างกว้างขวางกว่าสมัยใดๆ ซึ่งการทำยุทธหัตถีในครั้งนั้นถือว่าเป็นการทำยุทธหัตถีที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย และยังเป็นการรบบนบกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกด้วย

ในการนี้ กองทัพไทย จึงถือเอาวันที่พระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีมีชัยชนะต่อพระมหาอุปราชา เป็น “วันกองทัพไทย” เรียกกันอีกอย่างว่า “วันสมเด็จพระนเรศวรมหาราช” หรือ “วันยุทธหัตถี” เป็นวันรัฐพิธี แต่ไม่ถือเป็นวันหยุดราชการ
ขอบคุณข้อมูลจาก : ศิลปวัฒนธรรม และ kapook