จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักอยู่ในขณะนี้ ทำให้สถานการณ์การท่องเที่ยวของไทยและทั่วโลกสั่นคอนไปพอสมควร เพื่อให้เพื่อนๆ ที่ทำงานหรือทำธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวและบริการปรับตัวและรับมือได้อย่างทันท่วงที สามย่านมิตรทาวน์ มี 3 เทรนด์ เกี่ยวกับธุรกิจท่องเที่ยวมาเล่าให้ฟัง

1.NEO Tourism
เป็นคำนิยามใหม่ของรูปแบบการท่องเที่ยวหลังยุคโรคระบาด เป็นการถอดบทเรียนจากสถานการณ์โควิด-19 ที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะก้าวข้ามจาก New Normal ไปสู่ Next Normal ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวที่เน้นเรื่องความสะอาด สุขอนามัย และความยืดหยุ่นในการให้บริการมากขึ้น ดังนั้นเทรนด์นักท่องเที่ยวยุค Next Normal จะให้ความสำคัญ 3 ประเด็นในการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยว ได้แก่
Nature Seeking (ตามหาธรรมชาติ) เพราะยิ่งล็อกดาวน์ทำให้ธรรมชาติฟื้นฟู เมื่อเปิดประเทศ คนจึงต้องการกลับไปใกล้ชิดธรรมชาติ และมองว่าธรรมชาติบำบัดจะช่วยคลายเครียด รู้สึกผ่อนคลาย
Hygieneaholic (ติดสะอาด) หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลาย นักท่องเที่ยวจะยังคงให้ความสำคัญเรื่องสุขอนามัยและความสะอาด สถานที่ท่องเที่ยว การให้บริการหรือที่พักที่มีมาตรการป้องกันโรคที่ดี จะตอบโจทย์ความต้องการและสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวได้ดีกว่า ซึ่งมาตรฐานสุขอนามัยต้องเป็นระดับสากล ซึ่งไทยก็มีมาตรฐาน (Amazing Thailand Safety & Health Administration : SHA)

Flexi Needed (ต้องการความยืดหยุ่น) เพราะความไม่แน่นอนเรื่องโรคระบาด ทำให้นักท่องเที่ยวมองหาบริการที่มีการประกันความเสี่ยง รวมถึงต้องการทริปที่มีความยืดหยุ่นสูง โดยเฉพาะบริการที่ปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ เช่น การยกเลิกที่พักเมื่อป่วยกะทันหัน ทำให้วางแผนการเดินทางสามารถปรับตัวไปตามสถานการณ์ได้
2.ทราเวล เทค
อีกเทรนด์ของการท่องเที่ยวยุคโควิด นั่นก็คือ การสร้างนวัตกรรมที่เข้ามาปฏิวัติวงการท่องเที่ยว เป็นเทรนด์ที่จะเห็นชัดเจนในปี 2565 นี้ คือ “พาสปอร์ตดิจิทัล” ที่ผ่านมาการเดินทางเที่ยวในประเทศและการบินในประเทศ คนไทยจะคุ้นชินกับการแสดงผลการฉีดวัคซีนในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม แต่นับจากเดือนมกราคม 2565 เป็นต้นไป Thailand Digital Health Pass ในแอพฯหมอพร้อม จะมีบทบาทมากขึ้น เพราะล่าสุดสหภาพยุโรป(EU) มีมติยอมรับ Thailand Digital Health Pass ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันกับ EU Digital COVID Certificate ทำให้สามารถใช้ในการเดินทางเข้าประเทศกว่า 60 ประเทศ/ดินแดน ที่สหภาพยุโรปให้การยอมรับ ทำให้สะดวกในการเดินทางไปต่างประเทศเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ “เทคโนโลยีไร้สัมผัส” ด้วยการใช้เทคโนโลยีสั่งงานด้านเสียง การใช้เซนเซอร์สั่งการแทนการสัมผัส RFID NFC การจดจำใบหน้า การยืนยันตัวบุคคลด้วยไบโอเมตริก ในภาคการท่องเที่ยวและการโรงแรมจะมีเพิ่มขึ้น ที่ไม่เพียงแต่สะดวกสบายและเป็นไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นใจและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ให้บริการ ไม่ว่าจะอยู่ในโรงแรม สนามบิน หรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
3.เวลเนส ทัวริสซึ่ม
จากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้คนสนใจดูแลสุขภาพก่อนป่วยมากขึ้น การดูแลสุขภาพแบบองค์รวม จึงเป็นเทรนด์ที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเพิ่มขึ้น ซึ่งมูลค่าในธุรกิจเวลเนสทั่วโลก เพิ่มจาก 6.39 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับมาเป็น 8.01 แสนล้านดอลล่าร์สหรัฐ ในปี 2563 และมีแนวโน้มเพิ่มเป็น 2 เท่าในปี 2573 หรือราว 1.59 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกลุ่มนี้ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศจะมีการใช้จ่ายมากกว่าปกติ 53% หรือไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นบาทต่อทริป แต่ถ้าเป็นตลาดในประเทศจะมีการใช้จ่ายมากกว่าปกติ 178% โดยปัจจุบันไม่ใช่เพียงนักท่องเที่ยวกลุ่มซิลเวอร์ เอจ (คนที่มีอายุเกิน 50 ขึ้นไปและเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ) จะมองหาประสบการณ์เวลเนสเท่านั้น แต่คนรุ่นใหม่ก็มองหาประสบการณ์นี้ด้วยเช่นกัน

รู้เทรนด์การท่องเที่ยวปี 2565 กันไปเรียบร้อย เพื่อนๆ คนไหนที่ทำงานหรือทำธุรกิจเกี่ยวกับท่องเที่ยวและบริการอย่าลืมปรับตัวรับมือการเปลี่ยนแปลงให้ทันกันนะคะ เพราะเราไม่รู้เลยว่าเจ้าโควิด-19 จะจบลงตอนไหน
ขอบคุณข้อมูลจาก : ฐานเศรษฐกิจ