ช่วงหน้าหนาวแบบนี้ บางวันเพื่อนๆ อาจจะตื่นขึ้นมาพบว่าอากาศนอกบ้าน ขมุกขมัว ทำให้บางทีก็คิดว่าเป็นเพราะอากาศหนาวเย็นมีหมอกมากเป็นพิเศษ แต่บางครั้งหมอกที่เห็นปกคลุมอยู่ทั่วไป อาจจะเป็นเพียงแค่ฝุ่น PM2.5 ก็เป็นได้ ซึ่งช่วงที่ผ่านมากรุงเทพฯ เองก็เจอปัญหาฝุ่น PM2.5 มาโดยตลอด มากบ้างน้อยบ้างในแต่ละวัน โดยวิธีในการเตรียมตัวดูแลสุขภาพตนเอง และบุคคลในครอบครัวเพื่อรับมือกับฝุ่น PM2.5 มีดังนี้
1.ติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศอย่างใกล้ชิดก่อนออกจากบ้าน ได้ที่เว็บไซต์ air4thai.pcd.go.th หรือแอปพลิเคชัน “Air4Thai” ของกรมควบคุมมลพิษ และปฏิบัติตนตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด
2.สำรองหน้ากากป้องกันฝุ่น เช่น หน้ากากอนามัย หรือหน้ากาก N95
3.ดูแลสุขภาพให้ร่างกายแข็งแรง พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาดให้มาก ๆ กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเน้นผัก ผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แกงจืดตำลึง ผัดผักบุ้ง ฟักทองผัดไข่ ผัดบรอกโคลี กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก แครอทลวก บรอกโคลีลวกจิ้มน้ำพริก เป็นต้น
4.ทำความสะอาดบ้าน และอุปกรณ์ภายในบ้าน โดยเฉพาะจุดที่สะสมฝุ่น เช่น แอร์ พัดลม มุ้งลวด เครื่องนอน และเน้นการทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำ หมั่นตรวจเช็กบ้านปิดช่องหรือรู ตามขอบประตูหน้าต่าง เพื่อป้องกันฝุ่น PM2.5 จากภายนอกไม่ให้เข้ามาในอาคารในช่วงฝุ่นสูง
5.วันที่ฝุ่น PM2.5 เกินค่ามาตรฐาน ควรหลีกเลี่ยงการออกไปทำกิจกรรมหรือออกกำลังกายกลางแจ้งให้เปลี่ยนมาออกกำลังกายภายในอาคารแทน
6.สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ควรสำรองยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นให้พร้อม และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ สังเกตตนเองและบุคคลในครอบครัว หากพบอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก หายใจมีเสียงวี้ด แน่นหน้าอก เจ็บหน้าอก ใจสั่น คลื่นไส้ เมื่อยล้าผิดปกติ หรือวิงเวียนศีรษะ ให้รีบไปพบแพทย์
7.ช่วยกันลดฝุ่น PM2.5 เช่น ลดการปิ้งย่างที่ใช้เตาถ่าน งดจุดธูปเทียนทั้งภายในและภายนอกอาคาร งดการเผาในที่โล่ง ลดการใช้รถดีเซลที่ปล่อยควันดำ รวมถึงร่วมปลูกต้นไม้ เพื่อช่วยดักฝุ่นละออง
ทั้งหมดนี้เป็นวิธีที่กรมอนามัย ได้ออกมาแนะนำการรับมือกับปัญหาฝุ่น PM2.5 แต่มีวิธีหนึ่งที่คนส่วนใหญ่นิยมเลือกทำกัน โดยเฉพาะการอยู่ในบ้าน คือ การเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ เพื่อเป็นตัวช่วยทำให้อากาศภายในบ้านบริสุทธิ์ และนี่คือเคล็ดลับ 5 เรื่องที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อเครื่องฟอกอากาศมาใช้ ที่สามย่านมิตรทาวน์นำมาฝากเพื่อน ๆ
1.ซื้อเครื่องฟอกที่มีตราสัญลักษณ์มาตรฐาน (มอก.)
ถือเป็นเรื่องพื้นฐานสำคัญที่ ผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ต้องไม่ละเลย เพราะการมีเครื่องหมาย มอก. นั่นแสดงว่าเป็นเครื่องที่ผ่านการตรวจสอบและรับรองมาแล้วขั้นหนึ่ง มั่นใจได้ในเบื้องต้น ซึ่งที่สำคัญอีกอย่าง ต้องดูด้วยว่าเครื่องหมายนั้นเป็นเครื่องหมาย มอก.จริง ไม่ได้ถูกปลอมแปลงมาด้วย ซึ่งการซื้อเครื่องฟอกอากาศในแบรนด์หรือสถานที่ที่เชื่อถือได้ ก็จะได้ความมั่นใจมากขึ้น
2.ดูค่า CADR สูงๆ
ค่า CADR ย่อมาจาก Clean Air Delivery Rate ซึ่งหมายถึงค่าตัววัดการฟอกอากาศต่อนาที ยิ่งมีตัวเลขสูงมากเท่าไหร่ การฟอกอากาศก็จะทำได้ดีมากขึ้นเท่านั้น ตัวเลขของค่า CADR ควรมีค่ามากกว่า 2 ใน 3 ของพื้นที่ห้องที่เราจะเอาเครื่องฟอกอากาศไปใช้งาน
3.ศึกษาเงื่อนไข การบำรุงรักษา-การรับประกัน
เรื่องรับประกัน และการดูแลรักษา เป็นสิ่งที่เราต้องไม่ละเลย จำเป็นต้องศึกษาให้ละเอียดที่สุด เพื่อทำให้เครื่องฟอกอากาศของเรามีอายุการใช้งานยาวนาน
4.เลือกให้เหมาะกับขนาดของห้อง
จริงๆ หลักการเลือกเครื่องฟอกอากาศ ไม่ต่างจากเลือกแอร์ติดห้อง เพราะต้องเลือกขนาดของเครื่องฟอกอากาศให้เหมาะกับขนาดห้องที่จะใช้ เพื่อทำให้เกิดประสิทธิภาพของการฟอกอากาศได้ดีที่สุด ถ้าเลือกขนาดเครื่องฟอกเล็กใช้ในห้องขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์ก็น้อย แถมอาจจะทำให้เครื่องทำงานหนัก อายุการใช้งานไม่นานด้วย แต่ถ้าใช้เครื่องฟอกอากาศขนาดใหญ่ในห้องที่เล็ก ก็ทำให้เสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น
5.ต้องมีฉลากเบอร์ 5
อย่าลืมเลือกเครื่องฟอกอากาศที่มีฉลากเบอร์ 5 ที่บ่งบอกถึงการประหยัดไฟฟ้า เพราะว่าการเปิดใช้เครื่องฟอกอากาศแต่ละครั้งก็หลายชั่วโมง กินเวลานานการใช้เครื่องฟอกอากาศที่ประหยัดไฟ ก็ช่วยเซฟเงินในกระเป๋าเราได้ด้วย
นี่ก็เป็นเคล็ดลับดีดี สำหรับการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีเพื่อการป้องกันฝุ่น PM2.5 เวลาเราอยู่ในบ้าน แต่หากออกนอกบ้านก็ต้องปฏิบัติตัวตามที่เราได้แนะนำไว้ โดยเฉพาะการสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากที่สามารถป้องกันฝุ่นและเชื้อโรคได้ แค่นี้เพื่อนๆ ก็หายใจได้เต็มปอด ห่างไกลโรคห่างไกลฝุ่นกันแล้ว
ขอขอบคุณข้อมูลจาก : กรมอนามัย, สคบ.
