Wednesday, March 22, 2023
Advertising call 02-033-8900 ext. 8819spot_img

เปิดเคล็ดลับ! ลดน้ำหนักอย่างไร? ไม่ให้มีอาการโยโย่เอฟเฟค

เรื่องของความอ้วน! เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนกลัวมาก เพราะใส่อะไรก็ไม่สวย ถ่ายรูปออกมายังไงก็ดูไม่ดี เลยทำให้หลายคนที่รู้สึกว่าตัวเองเริ่มอ้วนก็รีบลดน้ำหนักทันที ว่าแต่ทำไมบางคนยิ่งลดยิ่งอ้วน เพื่อนๆ เคยสงสัยมั้ย? ทั้งที่ไม่กินข้าว และออกกำลังกาย ก่อนอื่นเราต้องมีรู้จักสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนกันก่อน โรคอ้วนคือ การที่เรากินอาหารมากเกินไปกว่าการใช้พลังงาน หรือเกิดความไม่สมดุลของพลังงานที่ได้รับในแต่ละวัน เมื่อร่างกายไม่สามารถใช้พลังงานที่กินอาหารเข้าไปได้หมด ก็ย่อมเกิดเป็นการสะสมของไขมันใต้ชั้นผิวหนัง หรือเป็นสาเหตุของโรคอ้วนนั่นเอง

นอกจากนี้ ปัจจัยที่จะส่งเสริมให้เพื่อนๆ อ้วนมากขึ้น นอกจากจะเป็นเรื่องของอาหารที่กินเข้าไปอย่างไม่สมดุลแล้ว ยังมีเรื่องของกิจกรรมหรือหรือการใช้ชีวิตในแต่ละวันที่ใช้พลังงานไม่มากเท่าไหร่นัก รวมไปถึงการนอนหลับพักผ่อนที่ไม่มีคุณภาพ หรือการเกิดความเครียดที่ส่งผลให้ร่างกายต้องการพลังงานที่มากกว่าเดิม จึงมีการบำบัดความเครียดด้วยการกินอาหารที่มากขึ้น

และสิ่งที่หลายคนกลัวสำหรับการลดน้ำหนัก คือ อาการโยโย่เอฟเฟค (Yoyo Effect) หรือการที่ไม่สามารถที่จะลดน้ำหนักลงมาได้อย่างถาวร เมื่อถึงจุดหนึ่งน้ำหนักก็จะเพิ่มกลับขึ้นไปเท่าเดิมหรือมากไปกว่าเดิม ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากการที่เพื่อนๆ เลือกวิธีการในการลดน้ำหนักที่ผิดวิธี หรือลดน้ำหนักแบบไม่จริงจัง และเพื่อให้เพื่อนรู้จักสาเหตุของอาการโยโย่เอฟเฟคมากขึ้น สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อมูลดีๆ มาเล่าให้ฟัง

1.ออกกำลังกายหนักเกินไป
การออกกำลังกายที่หนักเกินไปเป็นอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้การลดน้ำหนักของเพื่อนๆ ไม่ได้ผล โดยเฉพาะถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้มีการเติมสารอาหารที่เหมาะสมกลับเข้ามาในร่างกาย ก็จะทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อมากขึ้นไปอีก ดังจะเห็นได้ว่าคนที่เล่นกล้ามหรือรักการออกกำลังกายมักจะต้องมีกินโปรตีนเวย์หรืออาหารเสริมอื่นๆ เพื่อเพิ่มเติมกล้ามเนื้อที่อาจจะมีบางส่วนถูกทำลายไปจากการออกกำลังกาย เพราะถ้าไม่ได้มีการกินอาหารเสริมระหว่างการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เมื่อหยุดออกกำลังกายก็ยอมทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้อย่างรวดเร็วดังเดิม ดังนั้น วิธีการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดอาการโยโย่เอฟเฟกต์จึงต้องเป็นการเลือกวิธีในการลดน้ำหนักที่ถูกต้องและเหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง อีกทั้งยังต้องเลือกเฟ้นสารอาหารที่เหมาะสมเติมกลับเข้าไปในร่างกายด้วย

2.การไม่จริงจังกับการออกกำลังกายหรือลดน้ำหนักอย่างไม่ต่อเนื่อง
การออกกำลังกายในระยะเวลาที่เหมาะสม ต้องมีช่วงเวลาพักผ่อนประจำสัปดาห์ ไม่พยายามออกกำลังกายอย่างหนักต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ เพราะการหักโหมมีแต่จะทำให้ การลดน้ำหนักล้มเหลว และที่สำคัญที่สุด ก็คือ การออกกำลังกายจำเป็นจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ว่าพอสามารถลดน้ำหนักได้จนถึงเป้าหมายหรือลงไปที่น้ำหนักที่เหมาะสมแล้ว ก็จะหยุดออกกำลังกายไปอย่างนั้น เพราะการขาดความต่อเนื่องคือบ่อเกิดของโยโย่เอฟเฟกต์ในที่สุด

3.ลดน้ำหนักด้วยการอดอาหารในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
สาเหตุหลักที่มักเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่ที่ลดน้ำหนักยังไงก็ไม่ลง คือ การพยายามอดอาหาร จำกัดกินอาหารให้น้อยลง ทำให้ร่างกายสูญเสียปริมาณกล้ามเนื้อจากการที่กินสารอาหารไม่เพียงพอ ในเวลาต่อมาเมื่อการอดอาหารจบลงและกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ กินตามปกติ แต่ปริมาณกล้ามเนื้อยังคงน้อยอยู่จึงส่งผลให้อัตราการเผาผลาญพลังงานลดลงตามไปด้วย และย่อมส่งผลให้ร่างกายจำเป็นจะต้องเก็บสารอาหารในส่วนที่เผาผลาญไม่หมดในรูปแบบของไขมันที่สะสมใต้ชั้นผิวหนัง และทำให้น้ำหนักตัวดีดขึ้นมาสูงขึ้นกว่าเดิมนั่นเอง

4 การตัดสารอาหารบางต่อไป
การลดน้ำหนักไม่จำเป็นต้องกินให้น้อย แต่ต้องกินให้ถูก คนที่รับประทานปริมาณแต่เลือกชนิดอาหารที่ถูกต้องก็สามารถผอมลงได้ และยังต้องเลือกทำกิจกรรมที่จะช่วยในการเผาผลาญไขมันแต่ยังไม่เป็นการทำลายกล้ามเนื้อตามที่กล่าวไปแล้วข้างต้น อาหารที่กินจำเป็นที่จะต้องเลือกกินให้ครบถ้วน พยายามควบคุมในส่วนของปริมาณไขมันไม่ให้มากจนเกินไป และต้องไม่ลืมเติมโปรตีน ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอในร่างกาย

ถ้าเพื่อนๆ สามารถปฏิบัติร่างกายตามที่เล่าไปแล้วข้างต้นได้อย่างครบถ้วน และใส่ใจในทุกขั้นตอนของการลดน้ำหนัก การลดน้ำหนักก็คงไม่ใช่อุปสรรคของเพื่อนๆ อีกต่อไป และสิ่งที่เพื่อนๆ จะได้ตามมา คือ การลดน้ำหนักตัวได้ตามที่ต้องการ โดยไม่มีอาการโยโย่เอฟเฟกต์เกิดขึ้น

ขอบคุณข้อมูลจาก : สุขภาพน่ารู้

- Advertisment -

“SAMYAN MITRTOWN 3RD ANNIVERSARY มิตรเดย์ มิตรเลิฟ เฟสติวัล ”

ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายแคมเปญ “SAMYAN MITRTOWN...