เพื่อนๆ รู้มั้ยว่า? การเลือกเมนูอาหารที่มีความหวานนำ หรือ การเลือกกินขนม และเครื่องดื่มที่หวานมากๆ ติดต่อกันอย่างยาวนาน โดยไม่ได้มีการออกกำลังกายหรือเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ จะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดโรคเบาหวานได้ เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องไกลตัวเลย หากไปดูการสำรวจข้อมูลของภาครัฐจะพบว่า คนไทยที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไป เป็นผู้ป่วยเบาหวานรวมจำนวน 4.8 ล้านคน และในจำนวนนี้มีมากกว่า 2 ล้านคน ที่ไม่รู้ว่าตัวเองป่วยและยังไม่ได้รับการวินิจฉัยเลย ที่น่ากังวล คือ ผู้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติหรือเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อโรคเบาหวานจำนวนถึง 7.7 ล้านคน

นอกจากนี้ การเลือกกินเมนูที่หวานจัด ยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังอื่นๆ ตามมา ทั้งไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน โรคหัวใจ หรือหลอดเลือด ซึ่งจากการรายงานของ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้เปิดเผยข้อมูลที่น่าสนใจอย่างมากคือ การกินหวานมากๆ มีความสัมพันธ์กับการเกิดริ้วรอยและภาวะแก่ก่อนวัยอีกด้วย
เพราะเมื่อเรากินน้ำตาลเข้าไปจะถูกย่อยเป็นหน่วยเล็กๆ และดูดซึมเข้ากระแสเลือดอย่างรวดเร็ว น้ำตาลในเลือดเหล่านี้สามารถจับกับโปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจน เกิดเป็นสารประกอบที่มีชื่อว่า Advanced glycation end products หรือ AGEs ซึ่งส่งผลให้โปรตีนอีลาสตินและคอลลาเจนเสื่อมสภาพ ทำให้ความยืดหยุ่นของผิวหนังลดลง เกิดการหย่อนคล้อยได้

โดยปกติ เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้นการสะสมของ AGEs บริเวณผิวหนังจะเพิ่มมากขึ้นด้วย แต่การเลือกอาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นกระบวนการดังกล่าวให้เกิดได้เร็วและมากขึ้น ทำให้เกิดริ้วรอยและแก่ก่อนวัยขึ้นได้
สิ่งที่เพื่อนๆ ควรทำ คือ การเลือกบริโภคน้ำตาลในปริมาณที่เหมาะสม ตามที่ องค์การอนามัยโลก ให้คำแนะนำปริมาณน้ำตาลที่ควรบริโภคคือ ไม่ควรเกิน 6 ช้อนชาต่อวัน ดังนั้นทุกคนจะต้องสังเกตให้ดีว่า ในแต่ละวันกินหวานกันมากแค่ไหน เพื่อปรับลดความหวานลดมาให้ได้ และอีกหนึ่งสิ่งที่คนติดหวานต้องรู้ไว้คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่เพื่อลดการทาน มีแนวทางที่ทำได้ง่ายๆ จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ใน 6 ข้อคือ

1.การวางของหวานไว้ในตำเเหน่งที่หยิบได้ยาก
2.ควรปรับพฤติกรรมในการซื้อของหวาน ด้วยการงดซื้อของหวานมาตุนไว้ในบ้าน
3.การหาเเรงจูงใจให้ตัวเองลดหวานเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
4.อ่านฉลากเพื่อดูปริมาณน้ำตาลก่อนซื้ออาหารทุกครั้ง
5.ควรเปลี่ยนของว่างจากขนมหวานเป็นผลไม้น้ำตาลน้อย
6.ปรับพฤติกรรมในการทานของหวาน โดยไม่ควรรับประทานของหวานขณะเล่นมือถือ หรือดูโทรทัศน์
เพื่อนๆ คนไหนที่ชื่นชอบการกินหวาน ก็ควรปรับพฤติกรรมใหม่ ด้วยการเลือกทานอาหารที่รสชาติหวานให้ลดลง เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว ที่อาจเกิดโรคเบาหวาน หรือโรคเรื้อรังต่างๆ รวมถึงป้องกันการแก่ก่อนวัยด้วย โดยอย่าลืมว่าแม้ว่าจะมีอายุน้อยก็มีโอกาสเป็นโรคเบาหวานได้เหมือนกัน ทั้งจากกรรมพันธุ์ และพฤติกรรมการทานอาหาร สามย่านมิตรทาวน์ เชื่อเลยว่า การมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยนั้น เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้อย่างแน่นอน

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา ( อย. ) และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)