ในปัจจุบันได้มีการคลายล็อคดาวน์ในหลายพื้นที่ และคลายกฎให้ร้านเสริมความงาม ร้านตัดผม สามารถกลับมาเปิดให้บริการตามปกติได้แล้ว แต่ต้องมีมาตรการรักษาความปลอดภัยและความทำความสะอาดตามที่รัฐได้กำหนดไว้ จึงเป็นช่วงเวลาที่เพื่อนๆ ได้กลับไปทำผม หรือเปลี่ยนสีผมกัน เนื่องจากเข้าสู่ช่วงปลายปีแล้วหลายคนอยากเปลี่ยนทรงผมใหม่ เพื่อต้อนรับเทศกาลเคาน์ดาวน์ส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ที่กำลังใกล้มาถึง
“การทำสีผมใหม่” ด้วยการย้อมผมใหม่ เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์ยอดนิยมในการปรับเปลี่ยนทรงผมต้อนรับปีใหม่ของเพื่อนๆ เพราะการทำสีผมใหม่ถือเป็นการปรับเปลี่ยนบุคลิกใหม่ แต่ในอีกด้านหลายๆ คนก็อาจจะกังวลว่าการปรับเปลี่ยนทำสีผมใหม่นั้น จะมีผลกระทบต่อหนังศีรษะตามมาหรือไม่ ดังนั้น เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจในเรื่องนี้การย้อมผมมากขึ้น สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้มาเล่าให้ฟัง
โดย สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ในขณะนี้ไม่มีหลักฐานงานวิจัยทางคลินิกที่ยืนยันแน่ชัดว่ายาย้อมสีผมเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์ ส่วนที่มีการแชร์ข้อมูลว่าผู้หญิงที่ย้อมสีผมบ่อย จะมีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าปกติ ถึง 60% ก็ไม่เป็นความจริงเลย
หากมาทำความรู้จักในเรื่องยาย้อมสีผมมากขึ้น แบ่งเป็น 3 แบบได้แก่ แบบชั่วคราว แบบกึ่งถาวร และแบบถาวร โดยชนิดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือแบบถาวร และยาย้อมผมชนิดนี้จะแทรกซึมเข้าไปในเส้นผม และคงอยู่อย่างถาวรจนกว่าผมใหม่จะงอกขึ้นมา ส่วนสารเคมีหลักที่พบในผลิตภัณฑ์ย้อมสีผมแบบถาวรประกอบไปด้วยสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ สารพาราฟินีลินไดอะมีน (PPD) ตะกั่วอะซิเตท แอมโมเนีย เป็นต้น
เมื่อมีการใช้ยาย้อมผมเป็นประจำ ก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น มีอาการระคายเคืองบริเวณหนังศีรษะ หน้าผาก หู ดวงตา และคอ มีผื่นคันหรือลมพิษทั่วร่างกาย ส่วนคนที่มีอาการแพ้รุนแรงจะทำให้หายใจลำบากและหมดสติได้ ส่วนช่างทำผม ก็จะเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับสารเคมีมากกว่าผู้ที่ย้อมผม เนื่องจากต้องสัมผัสกับสารเคมีที่มาจากน้ำยาต่างๆ เป็นประจำ
สำหรับคนที่ยังไม่เคยย้อมผม จึงควรประเมินก่อนว่าสามารถย้อมผมได้ไหมหรือไม่ควรย้อม เพื่อป้องกันการแพ้ตามมา เพราะในน้ำยาย้อมผมมีสารเคมีหลายชนิด อาจก่อให้เกิดอาการแพ้สารเคมีบริเวณผิวหนัง สิ่งสำคัญสุดคือ ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ด้วยการอ่านฉลากให้รอบคอบ ส่วนช่างทำผมควรสวมใส่ถุงมือและใส่หน้ากากป้องกันสารเคมีในช่วงเวลาทำงาน และควรมีระบบระบายอากาศที่ดีในร้านทำผม เพื่อทำให้ทั้งคนมาทำสีผมและช่างสบายใจด้วยกันทั้งคู่
สำหรับเพื่อนคนไหน ที่สนใจอยากทำสีผมเป็นครั้งแรกนั้น ก็มีคำแนะนำมาจาก สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) หากมีการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ย้อมสีผม ที่มีราคาถูก ที่มีควรระวังก่อนในเบื้องต้น 10 ข้อ
1.ควรทดสอบการแพ้ก่อนใช้ ตามที่ระบุในฉลากผลิตภัณฑ์ จึงควรอ่านฉลากให้รอบคอบก่อน เนื่องจากอาจทำให้แพ้รุนแรง โดยตัวอย่างอาการแพ้น้ำยาย้อมผมก็มีหลายอาการคือ ผิวหนังบริเวณคอหรือหนังศีรษะเริ่มแสบ / คัน, มีแผลพุพองจำนวนมาก,ใบหน้าบวมเล็กน้อยหรือรุนแรง, มีผื่นแดงขึ้น, ปาก ลิ้น และคอบวม จนอาจหายใจหรือกลืนอาหารลำบาก, ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียนและหมดสติ เป็นต้น ซึ่งหากมีอาการแพ้รุนแรงควรพบแพทย์ทันที
2.อย่าให้เข้าตา เพราะอาจทำให้ตาบอดได้
3.อ่านฉลากและทำตามวิธีใช้อย่างถูกต้อง
4.สวมถุงมือ นอกจากจะป้องกันมือเราเปื้อนน้ำยาย้อมผม ยังเป็นการป้องกันการสัมผัสกับสารเคมีโดยตรง ซึ่งอาจจะเกิดการแพ้ได้
5.ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 16 ปี
6.ห้ามเกาศีรษะอย่างแรงระหว่างย้อมผม เพราะอาจเกิดรอยถลอกเป็นแผล หรือเม็ดผื่นแดง ซึ่งอาจเกิดอันตรายได้
7.ห้ามใช้เมื่อหนังศีรษะมีแผล หรือมีรอยแดงที่ใบหน้า
8.ห้ามใช้ย้อมขนคิ้ว-ขนตา
9.ไม่ทิ้งน้ำยาย้อมผมบนหนังศีรษะนานเกินเวลาที่ระบุในฉลาก เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นอันตรายได้
10.และหยุดใช้ทันทีเมื่อมีผื่น คัน ปวดแสบปวดร้อน เมื่อมีอาการ ต้องล้างออกด้วยน้ำทันที
ดังนั้น เพื่อนๆ ที่อยากลองเริ่มทำสีผม ก็อย่าลืมลองคำแนะนำไปลองใช้กัน เพื่อสร้างความมั่นใจก่อนทำสีผมใหม่ ส่วนใครยังไม่เคยทำสีผม ก็ควรเริ่มทดสอบก่อนว่ามีอาการแพ้หรือไม่เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาแพ้ตามมาได้ ที่สำคัญข้อควรระวังคือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ราคาถูกแบบผิดปกติ อาจมีความเสี่ยงในเรื่องแพ้ตามมาได้ จึงควรอ่านฉลากให้รอบคอบว่าผลิตภัณฑ์ได้รับรองถูกต้องหรือไม่ สามย่านมิตรทาวน์ อยากให้ทุกคนเปลี่ยนทรงผม ทำสีผมใหม่ อย่างปลอดภัย เพื่อเพิ่มพลังความสดใสรับปีใหม่ที่กำลังมาถึงนี้ไปพร้อมกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข และ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
