เพื่อนๆ รู้มั้ยว่าในเดือนตุลาคมที่เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ที่สำคัญเกี่ยวสุขภาพของผู้คนในทั่วโลก โดยในช่วงต้นเดือนเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม ได้กำหนดให้วันสุขภาพจิตโลก เพื่อทำให้ทุกคนหันมาให้ความสำคัญเรื่องสุขภาพจิตใจกันและเป็นเรื่องใกล้ตัวของทุกคน เพราะการมีสุขภาพจิตใจที่ดีจะเป็นพลังอย่างมากมายในการขับเคลื่อนเรื่องต่างๆ
นอกจากนี้ ในเดือนนี้ยังมีอีกวันสำคัญเกี่ยวกับการรณรงค์ต่อต้านมะเร็งเต้านม ที่เป็นภัยคุกคามต่อผู้หญิงทั่วโลก ดังนั้น เพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจและป้องกันในเรื่องมะเร็งเต้านมกันมากขึ้น สามย่านมิตรทาวน์ จึงอยากชวนเพื่อนๆ มารู้จักโรคนี้และป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นไปพร้อมกัน
สำหรับมะเร็งเต้านม เป็นโรคที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงทั่วโลกและผู้หญิงไทย เนื่องจากมะเร็งเต้านมเป็นโรคที่พบมากสุดในผู้หญิงไทย โดย “นายแพทย์สมศักดิ์ อรรฆศิลป์” อธิบดีกรมการแพทย์ ระบุว่า ในแต่ปีจะมีผู้หญิงไทยป่วยด้วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ประมาณ 17,043 คน หรือคิดเป็น 47 คนต่อวัน และมีผู้เสียชีวิตถึง 13 คนต่อวัน เรียกได้ว่ามีแนวโน้มอัตราการเกิดโรคและอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในทั่วโลกมีผู้ป่วยมะเร็งเต้านมรายใหม่ประมาณ 2.2 ล้านคน เสียชีวิตราว 680,000 คน ทำให้เดือนนี้มีการกำหนดให้เป็นเดือนแห่งการรณรงค์ต่อต้านมะเร็งเต้านมทั่วโลก และทั่วโลกมีใช้สัญลักษณ์ในการรณรงค์เป็น “รูปโบว์ชมพู” (Pink Ribbon) เพื่อให้ทั่วโลก หันมาตะหนักให้ความสำคัญและร่วมรณรงค์ให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งเต้านม เพื่อให้ทุกคนมาดูแลตัวเอง ป้องกันและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากหากตรวจพบระยะแรกสามารถรักษาให้หายขาดได้เลย
หากมาขยายความเรื่องมะเร็งเต้านม ผู้หญิงไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยผู้หญิงไทยเป็นมะเร็งเต้านม รายใหม่ วันละ 47 คนต่อวัน และผู้ชายก็มีสิทธิเป็นมะเร็งเต้านมได้ โดย 1 ใน 100 ของผู้ป่วยมะเร็งเต้านมทั้งหมด มีผู้ป่วยมะเร็งเต้านม เสียชีวิตวันละ 13 คน หรือ 4,654 คนต่อปี
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่ทำให้เป็นโรคได้นั้นมาจาก คือ
1.อายุที่มากขึ้น
2.เคยเป็นมะเร็งเต้านมหรือ เนื้องอกที่เต้านม
3.มีประวัติญาติสายตรง (แม่ พี่น้อง) เป็นมะเร็งเต้านม
4.มีประจำเดือนครั้งแรกก่อนอายุ 12 ปี หรือ หมดประจำเดือนหลังอายุ 55 ปี
5.ได้รับรังสีที่รักษาที่เต้านมหรือ ทรวงอก
6.มีภาวะอ้วนน้ำหนักเกิน
7.การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์
ส่วน 7 สัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นมะเร็งเต้านม โดยเพื่อนสามารถสังเกตได้ด้วยตัวเองคือ
1.มีก้อนที่เต้านมหรือรักแร้
2.มีรูปร่างหรือขนาดของเต้านมที่เปลี่ยนแปลงไป
3.มีน้ำผิดปกติ หรือมีแผลเรื่องรังที่หัวนม
4.หัวนมบอดหรือมีแผลเรื้อรังที่หัวนม
5.มีรอยบุ๋ม รอยย่น ผื่นคัน บริเวณลานหัวนม
มีอาหารเจ็บผิดปกติที่เต้านม หรือ รักแร้
6.ผิวหนังของเต้านมมีรอยบุ๋ม รอยย่น ผิวหนังบวมหน้าคล้ายผิวเปลือกล้ม
อีกข้อควรรู้คือ มะเร็งเต้านม สามารถตรวจพบในระยะเริ่มแรก และการรักษามะเร็งเต้านมระยะแรก สามารถรักษาให้หายขาดได้สูงถึง 95% ดังนั้นหากเพื่อนๆ อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและสงสัยอาการตัวเอง จึงตรวจเต้านมด้วยตนเองอย่างน้อยเดือ นละครั้ง หรือไปพบคุณหมอเพื่อตรวจโดยตรง และไปตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์เต้านมหรือ แมมโมแกรมเป็นประจำปี ทุกปี ตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป
นอกจากนี้ หากไปดูจากการรายงานของ “สถาบันมะเร็งแห่งชาติ” จะพบว่า มีการกำหนดวันต่อต้านโรคมะเร็งแห่งชาติ ในวันที่ 10 ธันวาคมของทุกปี โดยในปัจจุบันคนไทยเป็นมะเร็ง รายใหม่วันละ 382 คน หรือ 139,206 คนต่อปี ส่วนการเสียชีวิต คนไทยเสียชีวิตจากโรคมะเร็งวันละ 230 คน หรือ 84,073 คนต่อปี
มะเร็งที่พบบ่อย 5 อันดับแรกในผู้ชายและผู้หญิง โดยผู้ชายจะเป็นมากสุด 1. จะเป็นมะเร็งตับและท่อน้ำดี 2.ปอด 3. ลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 4.ต่อมลูกหมาก 5. ต่อมน้ำเหลือง ส่วนผู้หญิงที่เป็นมากสุด 1.เต้านม 2.ลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 3.ตับและท่อน้ำดี 4.ปอด 5.ปากมดลูก
สำหรับ 7 สัญญาณอันตรายโรคมะเร็งได้แก่ 1. ระบบขับถ่ายที่เปลี่ยนแปร 2. แผลที่ไม่รู้จักหาย 3. ร่างกาย มีก้อนตุ่ม 4. กลุ้มใจเรื่องการกิน กลืนอาหาร 5.ทวารทั้งหลาย มีเลือดไหล 6. ไฝ หูด ที่เปลี่ยนไป 7. ไอ เสียงแหบ จนเรื้อรัง
สิ่งที่ควรทำเพื่อป้องกันมะเร็ง ได้แก่ ออกกำลังกายประจำ ทำจิตใจให้แจ่มใส ทานผักและผลไม้ ทานอาหารที่หลากหลาย ตรวจร่างกายเป็นประจำ ส่วนสิ่งที่ไม่ควรทำ คือ ไม่สูบบุหรี่ ไม่มีเซ็กซ์มั่ว ไม่ดื่มสุรา ไม่ตากแดดจ้า และไม่กินปลาน้ำจืดดิบ ซึ่งหากทำตามแนวทางนี้ได้ จะช่วยป้องกันมะเร็งได้ถึง 40%
เพื่อนๆ เห็นแบบนี้แล้วจะรู้ได้เลยว่า มะเร็งเป็นภัยเงียบใกล้ตัว ที่ไม่ควรประมาทอย่างเด็ดขาด โดยสิ่งสำคัญก็ต้องสังเกตุอาการตัวเองและดูแลร่างกายให้แข็งแรงไว้เสมอ เลือกรับประทานผัก ผลไม้ อาหารที่มีประโยชน์ พร้อมกับออกกำลังกายและหมั่นตรวจร่างกายเป็นประจำ ที่สำคัญต้องทำให้จิตใจร่าเริงอยู่เสมอ เพื่อเสริมภูมิให้ร่างกาย และไม่เครียดง่าย จะดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์ และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข
