ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ ประเทศไทยก็จะเริ่มเปิดประเทศ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยแบบไม่ต้องกักตัวแล้ว ซึ่งไทม์ไลน์ของการเปิดบลูโซน ทางศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) หรือ ศบค. ได้มีการแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ประกอบด้วย ระยะนำร่อง เริ่มตั้งแต่ 1-31 ตุลาคม 2564 มี 4 จังหวัด คือ ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี พื้นที่เกาะสมุย เกาะพะงัน และเกาะเต่า พังงา พื้นที่เขาหลักและเกาะยาว และกระบี่ พื้นที่เกาะพีพี เกาะไหง และไร่เล

ระยะที่ 1 เริ่มตั้งแต่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 เปิดเพิ่มอีก 15 จังหวัด คือ กรุงเทพฯ สมุทรปราการ กระบี่ พังงา ประจวบคีรีขันธ์ พื้นที่หัวหิน และหนองแก เพชรบุรี พื้นที่เทศบาลเมืองชะอำ ชลบุรี พื้นที่พัทยา อ.บางละมุง ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่ เกาะสีชัง และ อ.ศรีราชา) ระนอง พื้นที่เกาะพยาม เชียงใหม่ พื้นที่อ.เมือง อ.แม่ริม อ.แม่แตง และ อ.ดอยเต่า เลย พื้นที่เชียงคาน บุรีรัมย์ พื้นที่ อ.เมือง หนองคาย พื้นที่ อ.เมือง อ.ศรีเชียงใหม่ อ.ท่าบ่อ และ อ.สังคม อุดรธานี พื้นที่ อ.เมือง อ.นายูง อ.หนองหาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม อ.กุมภวาปี และ อ.บ้านดุง ระยอง พื้นที่เกาะเสม็ด และตราด พื้นที่เกาะช้าง
ระยะที่ 2 ตั้งแต่ 1-31 ธันวาคม 2564 เปิดอีก 16 จังหวัด คือ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน แพร่ สุโขทัย เพชรบูรณ์ ปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่น นครราชสีมา นครศรีธรรมราช ตรัง พัทลุง สงขลา ยะลา และนราธิวาส ส่วนระยะที่ 3 ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 เปิดอีก 12 จังหวัดที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน คือ สุรินทร์ สระแก้ว จันทบุรี ตาก นครพนม มุกดาหาร บึงกาฬ อุบลราชธานี น่าน กาญจนบุรี ราชบุรี และสตูล เพื่อให้เพื่อนๆ ได้วางแผนไปเที่ยวในระยะที่ 1 ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1-30 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ สามย่านมิตรทาวน์ จะพาไปดูไฮไลท์แหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของ 13 จังหวัด จากทั้งหมด 15 จังหวัด ไม่นับรวมกรุงเทพฯ และสมุทรปราการ อยากรู้แล้วใช่มั้ยล่ะ? ว่าจะมีที่ไหนบ้าง? ไปดูกันเลย

กระบี่
ใครที่คิดถึงแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ของจังหวัดกระบี่ก็จองตั๋วเตรียมเก็บกระเป๋าไปเที่ยวได้เลย เพราะนอกจากจะมีทะเลสวยๆ ตามหมู่เกาะต่างๆ ให้ได้ไปเที่ยวแล้วไม่ว่าจะเป็น เกาะไผ่ เกาะปอดะ เกาะทับ เกาะรอก เกาะพีพีเล เกาะพีพีดอน กาะห้า และเกาะห้องแล้ว ยังมีน้ำตกร้อนคลองท่อม สระมรกต ท่าปอมคลองสองน้ำ และอื่นๆ อีกมากมายให้ได้ไปเที่ยวชม

พังงา
เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ ไม่แพ้จังหวัดใกล้เคียงอย่างภูเก็ต และกระบี่ ไม่ว่าจะเป็นจุดชมวิวอ่าวโต๊ะหลี ทะเลแหวกแนวสันหลังมังกร เกาะยาวน้อย ธารมรกตหรือคลองนางย่อน ภูตาจอ เกาะคอเขา เสม็ดนางชี น้ำตกสายรุ้ง ประภาคารเขาหลัก หาดท้ายเหมือง สะพานไม้เขาปิหลาย และเขาตาปู เขาพิงกัน เป็นต้น

ประจวบคีรีขันธ์ (ต.หัวหิน หนองแก)
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ยังไม่อยากเดินทางไกล ที่เที่ยวไม่ไกลกรุงเทพฯ อย่างหัวหินก็น่าจะเป็นอีกทางเลือก เพราะนอกจากจะเดินชิวตามชายหาดถ่ายรูปสวยๆ แล้ว ใครที่อยากได้รูปสวยๆ แบบวินเทจสถานีรถไฟหัวหินน่าจะเป็นอีกจุดเช็คอิน นอกจากนี้ ยังมีจุดชมวิวเขาหินเหล็กไฟ ตลาดชิเคด้า วัดเขาตะเกียบ และSeen Space Hua Hin เป็นต้น

เพชรบุรี (เทศบาลเมืองชะอำ)
เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลกรุงเทพฯ และมีแหล่งท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่งสำหรับอำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี ไม่ว่าจะเป็นหาดชะอำ พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน วัดเนรัญชราราม อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร วนอุทยานเขานางพันธุรัต และCamel Republic เป็นต้น

ชลบุรี (พัทยา อ.บางละมุง ต.นาจอมเทียน ต.บางเสร่ เกาะสีชัง อ.ศรีราชา)
สำหรับใครที่ชอบไปทะเลใกล้ทางฝั่งตะวันออก ชลบุรีเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็นเกาะสีชัง อุทยานหินล้านปีและฟาร์มจระเข้พัทยา เมืองจำลองพัทยา ปราสาทสัจธรรม Teddy Bear Museum Pattaya เขาพระตำหนัก เกาะล้าน และUnder Water World Pattaya เป็นต้น

ระนอง (เกาะพยาม)
เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม โดยเฉพาะเกาะพยาม ใครที่ไปถึงเกาะนี้แล้วต้องไม่พลาดที่จะไปเที่ยว 6 สถานที่บนเกาะนี้ นั่นก็คือ หินทะเลหาดอ่าวเขาควาย หาดอ่าวใหญ่ โบสถ์กลางน้ำเกาะพยาม ชายหาดอ่าวกวางปีบ เช็กอินถ่ายรูปคู่ฮิปปี้ บาร์ และชายอ่าวแม่ม่าย เป็นต้น

เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า)
เมื่อพูดถึงเชียงใหม่เชื่อว่าหลายคนเก็บกระเป๋ารอแล้ว เพราะตอนนี้ทางภาคเหนือของไทยเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว ซึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปเช็คอินรับอากาศหนาวๆ ก็เช่น อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง โครงการหลวงหนองหอย I love flower Farm สวนผลิตเมล็ดพันธุ์ไม้สนสองใบ และยอดดอยม่อนเงาะ เป็นต้น

เลย (เชียงคาน)
ถ้าพูดถึงเชียงคานหลายคนน่าจะนึกถึงบรรยากาศชิวๆ ริมแม่น้ำโขง เดินชมตลาดถนนคนเดิน และการตักบาตรข้าวเหนียวตอนเช้า นอก 3 กิจกรรมหลักนี้แล้วในเชียงคานยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น ภูทอก พระใหญ่ภูคกงิ้ว สกายวอล์คเชียงคาน หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำลาวโซ่ง และวัดศรีคุณเมือง เป็นต้น

บุรีรัมย์ (อ.เมือง)
ถ้าพูดถึงบุรีรัมย์หลายคนน่าจะคิดถึงลูกชิ้นยืนกินหน้าสถานีรถไฟบุรีรัมย์อยู่แน่ๆ นอกจากจุดนี้ที่ต้องไปเช็คอินแล้ว ยังมีถนนคนเดินเซราะกราววอล์คกิ้งสตรีท วนอุทยานเขากระโดง วัดป่าเขาน้อย ศูนย์อนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำและนกกระเรียนพันธุ์ไทย สวนคุณปู่ และสนามฟุตบอล Thunder Castle Stadium เป็นต้น

หนองคาย (อ.เมือง ศรีเชียงใหม่ ท่าบ่อ สังคม)
แม้ว่าจะเป็นจังหวัดที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่จังหวัดหนองคายก็มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหายแห่งนะ ไม่ว่าจะเป็นตลาดท่าเสด็จ วัดโพธิ์ชัย ศาลาแก้วกู่ หาดจอมมณี พระธาตุบังพวน และวังหนองบัวแดง เป็นต้น

อุดรธานี (อ.เมือง นายูง หนองหาน ประจักษ์ศิลปาคม กุมภวาปี บ้านดุง)
ถือเป็นอีกหนึ่งจังหวัดทางภาคอีสานที่มีแหล่งท่องเที่ยวเยอะมากๆ โดยเฉพาะสายมูทั้งหลายถูกใจแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคำชะโนด วัดป่าภูก้อน หมู่บ้านคีรีวงกต อุทยานแห่งชาตินายูง-น้ำโสม ทะเลบัวแดง พิพิธภัณฑ์เมืองอุดรธานี และศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน เป็นต้น

ระยอง (เกาะเสม็ด)
เป็นอีกหนึ่งเกาะของจังหวัดระยองที่ใครหลายคนอยากไปเช็คอิน เพื่อสัมผัสน้ำทะเลใสๆ หาดทรายขาวๆ อย่างหาดทรายแก้ว อ่าววงเดือน นอกจากนี้ ยังมีแหล่งท่องเที่ยวสวยๆ อย่าง เกาะทะลุ อ่าวพร้าว อ่าวลุงดำ อ่าวนวล อ่าวไผ่ จุดชมวิวเกาะเสม็ด และวัดเกาะแก้วพิศดาร เป็นต้น

ตราด (เกาะช้าง)
เป็นอีกหนึ่งเกาะของภาคตะวันออกที่หลายคนอยากไปเช็คอิน เมื่อไปถึงเกาะแล้วหลายคนต้องไม่พลาดที่จะไปดำน้ำที่เกาะหวาย นั่งชิวๆ ที่หาดคลองพร้าว แวะไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอพรที่ศาลเจ้าพ่อเกาะช้าง เที่ยวชมวิถีชุมชนที่บ้านด่านใหม่ แวะไปถ่ายรูปสวยๆที่ประภาคารเกาะช้างอ่าวบางเบ้า และไปเดินเที่ยวป่าชายเลนสลักเพชร เป็นต้น
เพื่อนๆ อยากไปเที่ยวที่ไหนกันบ้าง? ค่อยๆ วางแผนกันนะคะ ที่สำคัญอย่าละเลยมาตรการป้องกันโควิด-19 เพราะเค้ายังอยู่กับเรา ถ้าเราดูแลตัวเองดีๆ ไม่ว่ากี่ที่กี่จังหวัดก็ไปเที่ยวได้สบายๆ
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ และ travel.trueid