เวลาเพื่อนๆ ทำงานนานๆ หรือเร่งทำงานให้เสร็จ ยิ่งทำ ทำไมสมองยิ่งตื้อคิดอะไรไม่ออกมั้ย? เชื่อว่าหลายคนเป็นแน่นอน เพราะยิ่งเรามีความเครียด งานที่ทำก็ดูเหมือนจะออกมาไม่ดี อาการที่เกิดขึ้นดังกล่าวเรียกว่า Brain Fog หรือ ภาวะสมองล้า เป็นภาวะที่วัยทำงานหลายคนมีความเสี่ยง เพราะเกิดจากภาวะเครียดโดยไม่รู้ตัวจากการที่สมองทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานาน

ภาวะนี้เกิดจากการจัดการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วน การอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน พักผ่อนน้อย สมองคิดแต่เรื่องงานโดยไม่ได้พักคิดเรื่องอื่นๆ เลยทำให้สารสื่อประสาทในสมอง ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลสัญญาณไฟฟ้าระหว่างเซลล์ของระบบประสาทเสียสมดุล ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของสมองแย่ลง หากมีอาการแบบนี้บ่อยๆ เพื่อนๆ อาจเสี่ยงต่อการเป็นหลายโรคเสี่ยงด้วยนะ เช่น โรคกระเพาะอาหาร โรคอ้วน โรคเบาหวาน รวมถึงภาวะประจำเดือนมาไม่ปกติ เป็นต้น
สาเหตุของ Brain Fog ภาวะสมองล้า
1.คลื่นแม่เหล็ก จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต ฯลฯ ที่เราอาจเผลอใช้งานมากเกินไป
2.ความเครียดสะสมจากการทำงาน ทำให้เลือดไหลเวียนในสมองน้อยลง เกิดอาการมึนงง ความจำแย่ลง
3.พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่เป็นเวลา
4.ขาดสารอาหารบางชนิด จากการรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ เช่น ขาดกรดอะมิโน วิตามิน เกลือแร่ และสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ
5.ได้รับสารพิษต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น มลภาวะ สารเคมี โลหะหนัก ยาฆ่าแมลงที่ปนเปื้อนในอากาศ อาหาร และน้ำ เป็นต้น

สัญญาณอันตราย Brain Fog ภาวะสมองล้า
1.นอนไม่หลับ หลับไม่สนิท แม้ว่าจะเหนื่อย
2.ปวดศีรษะบ่อยๆ
3.สายต่ออ่อนเพลีย พร่ามัว
4.อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย อารมณ์ขึ้นลงง่าย
5.หลงลืมง่าย
6.สมาธิสั้น
7.เริ่มคิดไอเดียใหม่ๆ ไม่ค่อยออก สมองไม่ค่อยแล่น
8.ทำงานงานพลาดในจุดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งที่ไม่ค่อยพลาดบ่อยๆ
9.นอนมากเท่าไรก็ไม่รู้สึกสดชื่น ง่วงแม้จะนอนเยอะ
10.ลางานบ่อยขึ้น

วิธีลดความเสี่ยงภาวะสมองล้า
1.จัดเวลาในชีวิตให้ดี กำหนดเวลาทำงาน ทำกิจกรรมส่วนตัว เวลาพักผ่อน กินอาหาร พบปะเพื่อนและครอบครัว ไม่ให้ช่วงใดช่วงหนึ่งของชีวิตขาดหายไป
2.พยายามมองโลกในแง่บวก มองหาข้อดีของทุกเรื่องที่เกิดขึ้น
3.จัดการกับอารมณ์ของตัวเองให้ไว หากรู้สึกเครียด เริ่มคิดถึงเรื่องต่างๆ ในแง่ร้าย หงุดหงิด โมโห ควรเอาตัวออกห่างจากสิ่งที่ทำให้เกิดอารมณ์เหล่านั้นสักพัก หยุดคิดถึงเรื่องนั้นจนกว่าจะใจเย็นลง แล้วค่อยกลับไปแก้ปัญหานั้นใหม่
4.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 6-8 ชั่วโมงต่อคืน ถ้ามีปัญหานอนไม่หลับเรื้อรังเกิน 3 สัปดาห์ ควรพบแพทย์ 5.ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทุกวัน หรือสัปดาห์ละ 3-5 ครั้ง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 30 นาที
6.หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มคาเฟอีน แอลกอฮอล์ บุหรี่ และสิ่งเสพติดทุกชนิด
7.หาเวลาทำกิจกรรมที่อยากทำ เพื่อปรับอารมณ์ และสร้างแรงบันดาลใจในการทำสิ่งใหม่ๆ เรื่อยๆ
8.รับประทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ เน้นเนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ไก่ (ไม่กินหนัง) ปลา ผัก และผลไม้ต่างๆ และลดการรับประทานแป้งขัดสี และน้ำตาลให้น้อยลง

เพื่อนๆ คนไหนที่ทำงานหนักแล้วเริ่มมีอาการแบบนี้รีบแก้ไขด่วนเลยนะคะ จากอาการเล็กๆ น้อยๆ ถ้าไม่ดูแลรักษาอาจทำให้ลุกลามกลายเป็นโรคร้ายแรงได้ เพราะฉะนั้น ถ้าเริ่มรู้สึกเครียด หยุดพักสักแป๊บ เช่น เดินไปเข้าห้องน้ำ หรือเดินออกไปหาเครื่องดื่มที่เพิ่มความสดชื่นกิน ที่สำคัญคือ ควรกินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เราจะได้มีร่างกายที่แข็งแรง เพื่อทำงานที่เรารักและมีรายได้เข้ากระเป๋า
ขอบคุณข้อมูลจาก : พญ.สร้อยเพชร วีระไวทยะ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัยกรุงเทพ ,sanook