ในเวลานี้เพื่อนๆ คนไหนที่กำลังสนใจอยากซื้อต้นไม้มาประดับบ้าน จะต้องเห็น ต้นไม้ใบด่าง ที่กำลังมาแรงและเห็นในตลาดต้นไม้แทบทุกที่เลยทีเดียว เรียกได้ว่าเป็นต้นไม้ที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมาก ซึ่งก็มีต้นไม้ใบด่างหลากหลายสายพันธุ์ ที่กำลังได้รับความนิยมเช่น ยางอินเดียด่าง , มอนสเตอร่าด่าง , กวักมรกตด่าง ,ฟิโลเดนดรอน พิงค์ ปรินเซส และกล้วยด่าง เป็นต้น

โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีราคาแตกต่างกันไป และความพิเศษคือ ยิ่งหายาก ราคาก็จะยิ่งแพงไปด้วย เพื่อนๆ สนใจอยากสะสมต้นไม้ใบด่างกันบ้างมั้ย ดังนั้นเพื่อให้เพื่อนๆ มารู้จักกับพันธุ์ไม้ใบด่างกันให้มากขึ้น สามย่านมิตรทาวน์ จึงมีเรื่องราวของต้นไม้ใบด่าง เพื่อเป็นข้อมูลสำหรับซื้อไว้ประดับบ้าน หรือไว้ปลูกเป็นอาชีพเสริม ก็น่าสนใจอย่างมากเลยทีเดียว ก่อนอื่นเราไปรู้ถึงสาเหตุความด่างของเจ้าต้นไม้แต่ละต้นกันก่อนเลย
1.ขาดแสงสว่าง
ความสว่างที่เป็นสาเหตุทำให้มีการผลิตคลอโรฟิลล์ทำให้ต้นไม้มีใบสีเขียว โดยหากนำต้นไม้ปกติไปวางในที่มืด ผ่านไปไม่กี่วันใบก็จะเป็นสีขาวซีดและอ่อนแอ แต่หากนำมาออกแดดก็จะให้ใบสีเขียวตามเดิม
2.ขาดสารอาหาร
มาจากสารบางตัว จะส่งผลต่อการสร้างเม็ดสีของใบ หากต้นไม้ขาดแมกนีเซียม ใบจะเป็นสีเหลืองแต่เส้นใยยังเขียวอยู่ ถ้าขาดกำมะถันหรือฟอสฟอรัส ต้นมีจะใบด่างเหลืองทั้งใบ แต่อาการจะหายไปหากได้รับสารอาหารในดินครบถ้วน

3.เนื้อเยื่อใบมีอากาศมาก
อาการนี้ส่งผลให้เมื่อแสงแดดไปตกกระทบใบจะเกิดการหักเหของแสง ทำให้ใบเป็นสีเทาเงิน พบมากในป่าธรรมชาติ และจะเกิดขึ้นอย่างถาวร
4.ความผิดปกติทางพันธุกรรม
เกิดจากปัจจัยภายนอกที่กระทบโครงสร้างทางพันธุกรรมของต้นไม้ เช่น สารเคมีหรือสารกำมันตภาพรังสี ทำให้ต้นไม้กลายพันธุ์จากลักษณะเดิม โดยจะมีการใช้ในวงการตัดแต่งพันธุ์ต้นไม้เพื่อให้ได้สายพันธุ์ใหม่ที่มีความทนทานหรือมีคุณลักษณะที่โดดเด่นกว่าสายพันธุ์เดิม แต่ไม่สามารถควบคุมให้เป็นไปตามที่ต้องการได้
5.เกิดจากโรค
หากต้นไม้ในสวนมีการเติบโตผิดปกติ ทั้งมีใบมีลายสีด่างหรือสีเขียวไม่สม่ำเสมอ เกิดอาการเล็กหรือย่น ส่วนยอดหงิกงอผิดจากรูปทรงเดิม มีกิ่งก้านสั้นกว่าปกติ อาจเป็นอาการของโรคใบด่างในต้นไม้ หรือ Mosaic Virus ซึ่งเกิดจากไวรัสเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อและสารคลอโรฟิลล์จนส่วนต่างๆ ของต้นมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติ

สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจอยากเพาะพันธ์ไม้ด่าง เพื่อหารายได้เสริมนั้น มีข้อควรรู้ คือ
1.ไม้ด่างนิยมขยายพันธุ์โดยการเสียบยอด
โดยใช้ยอดด่างเสียบต้นตอที่เป็นต้นไม้ชนิดเดียวกันแบบใบเขียวธรรมดา ทำให้ได้ต้นไม้ที่แข็งแรงอยู่รอดได้ดีกว่าเติบโตด้วยตัวเอง
2.การเพาะเมล็ดหรือเนื้อเยื้อ
เป็นขั้นตอนที่สามารถทำได้ทีละจำนวนมาก แต่ไม่ค่อยคุ้มกับราคาการผลิต ส่วนมากเฉลี่ยจะได้ไม้ด่างสวยแค่ 5% หรือต่ำกว่านั้น ส่วนที่เหลือจะได้ใบเขียวหรือเผือกจนหมด
3.การปักชำยอด
เป็นวิธีการขยายพันธุ์ที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด แต่ต้นไม้ด่างส่วนใหญ่จะมีการเติบโตที่ช้ากว่าต้นไม้ทั่วไป จึงต้องใช้ระยะเวลานานกว่าต้นไม้จะมีโตเต็มที่พอที่จะขยายพันธุ์

4.เมื่อปริมาณต้นพันธุ์มีใบที่สมบูรณ์พร้อมขายความนิยมอาจลดลง
โดยเพื่อนๆ ต้องรู้ว่า กระแสความนิยมของต้นไม้ที่เพาะไว้อาจลดน้อยลงไปจากเดิมก็เป็นได้ ทำให้ขายได้ราคาต่ำกว่าตอนที่ซื้อมา แต่มีโอกาสน้อยมาจากตลาดต้นไม้ใบด่างยังมีกลุ่มลูกค้าคือคนที่อยู่ในวงการไม้ใบและชื่นชอบไม้ใบด่างอยู่แล้ว หากได้สีสันและรูปทรงใบที่ตรงตามใจต้องการ ก็สามารถขายในราคาที่ตนเองพอใจได้เช่นกัน
5.การปลูกต้นไม้ด่าง หรือซื้อต้นไม้ด่างไว้เพื่อจำหน่าย
ต้องจำไว้เสมอว่า ต้นไม้อาจอยู่รอดไม่ได้ เพราะไม่ใช่ต้นไม้ท้องถิ่น อาจมีหลายปัจจัยเข้ามารบกวนการเติบโตและความแข็งแรงของต้นได้ จึงเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูง ผู้ซื้อต้องประเมินความเสี่ยงและไม่ประมาทหากต้องการปลูกและลงทุนไว้เพื่อขาย
6.การถ่ายทอดลักษณะด่างจากเมล็ด
โดยเฉลี่ยจะได้ต้นด่างแค่ 10% ส่วนที่เหลือจะเป็นต้นธรรมดาใบเขียวกับต้นเผือก หรือใบขาวซึ่งมักจะตายในที่สุด

หากเพื่อนๆ มารู้จักกับราคาต้นไม้ใบด่างก็มีหลากหลาย บางต้นบอกเลยว่า “แพงกว่าทองคำ” ก็ไม่เกินจริงเลย หากไปดูราคาที่กำลังมาแรงในตอนนี้ยกตัวอย่าง “กล้วยด่าง” ที่มีหลากหลายสายพันธุ์ และแต่ละสายพันธุ์ก็มีราคาแตกต่างกัน เช่น กล้วยหอมคาเวนดิช เรทราคาซื้อขายอยู่ที่ประมาณ 80,000 – 700,000 บาท , กล้วยฟลอริด้า ราคาซื้อขายอยู่ที่ 20,000 -600,000 บาท ,กล้วยป่าด่างลายหินอ่อน ราคาซื้อขายอยู่ที่ 5,000 – 50,000 บาท , กล้วยน้ำว้ามะลิอ่อง (ขาวโอโม) ราคาซื้อขายอยู่ที่ 20,000 – 500,000 บาท , กล้วยแดงอินโด ราคาซื้อขายอยู่ที่ 60,000-1,500,000 บาท และกล้วยเทพพนมด่าง ราคาซื้อขายอยู่ที่ 50,000 – 880,000 บาท
นาทีนี้ต้องยอมรับเลยว่า ต้นไม้ใบด่าง อยู่ในเทรนด์ที่สนใจของคนรักไม้อย่างสูงสุด แถมหายากมากในปัจจุบัน เพื่อนๆ ที่สนใจอยากเลี้ยงต้นไม้ใบด่างกันมั้ย หรืออยากเพาะพันธุ์เพื่อขาย เพื่อเป็นรายได้เสริมกัน แต่นาทีนี้ก่อนที่จะเลี้ยงและเพาะพันธุ์ก็ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ พร้อมดูเทรนด์ตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะเทรนด์บางอย่างก็มาเร็วและไปเร็ว จะได้เตรียมวางแผนและหาสร้างรายได้ในระยะยาว

ขอบคุณข้อมูลจาก : บ้านและสวน และ PPTV