เดือนตุลาคมนี้ รัฐบาลกำลังจะเปิดประเทศ เพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้เดินทางเข้ามาเที่ยวบ้านเราแล้ว หลังจากที่โดนโควิด-19 เล่นงานมาเกือบ 2 ปี ทำให้เราต้องปิดประเทศคนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของเชื้อโรค ซึ่งตอนนี้สถานการณ์ก็ดีวันดีคืน คนไทยเราก็ได้ฉีดวัคซีนโควิด-19 กันเพิ่มมากขึ้น ทำให้รัฐบาลอยากที่จะเปิดประเทศ ให้ต่างชาติเข้ามาเที่ยว เศรษฐกิจของไทยเราจะได้ฟื้นตัวขึ้น หลังซบเซามานาน

แล้วเพื่อนๆ คาดเดาได้มั๊ยว่า หลังจากนี้ ท่องเที่ยวไทย ที่เป็นรายได้หลักอันดับต้นๆ ของบ้านเรา จะเป็นอย่างไรบ้างในอนาคต โดยเฉพาะปี 2565 การท่องเที่ยวไทยจะฟื้นตัวแค่ไหนนั้น ต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวบ้านเรามากป่าว หรือที่ไหนจะมีนักท่องเที่ยวไปกันตรึมเหมือนที่ผ่านมา หรือรูปแบบการท่องเที่ยวต่อไปจะเป็นยังไงกันบ้าง วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อมูลบทวิเคราะห์ด้านการท่องเที่ยว เหลียวหลัง มองหน้า ท่องเที่ยวไทย…หลังคลายล็อก “เที่ยวไทยได้” ของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics มาให้เพื่อนๆ ได้เห็นภาพต่อไปของการท่องเที่ยวไทยในปี 2565 จะเป็นยังไงกันต่อ
จากข้อมูลของ ทีทีบี มองว่า ปีหน้ารายได้นักท่องเที่ยวโดยรวมจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนล้านบาท และมีอัตราการเข้าพักโรงแรมเฉลี่ยอยู่ที่ 23.8% แต่เงื่อนไขจะต้องอยู่ ภายใต้สมมติฐานไม่มีการล็อกดาวน์อีกนะ แต่มาตรการการป้องกันการติดเชื้อแบบครอบจักรวาล (Universal Prevention) ยังมีอยู่เหมือนเดิม เช่น เว้นระยะห่างจากคนอื่นอย่างน้อย 1-2 เมตร ในทุกสถานที่ สวมหน้ากากอนามัยและทับด้วยหน้ากากผ้าตลอดเวลา ล้างมือบ่อย ๆ ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อโรคบนพื้นผิวที่สัมผัสบ่อย ๆ

นอกจากนี้ ทีทีบี ยังมองว่า จะมี 4 ปรากฎการณ์สำคัญ เกิดขึ้นในวงการท่องเที่ยว ดังนี้
1.คนไทยจะเที่ยวกันเยอะขึ้นทำรายได้ 4.6 แสนล้านบาท
นักท่องเที่ยวไทยจะเป็นกลุ่มที่ฟื้นต่อเนื่องจากไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ทำให้อัตราการเข้าพักโรงแรมของนักท่องเที่ยวไทยในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 19.8% ดีขึ้นจากปี 2564 โดยเฉลี่ย 14.1% ทำให้คาดว่ารายจากนักท่องเที่ยวไทยอยู่ที่ 4.6 แสนล้านบาท
2.นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา จะเข้ามาเที่ยวเป็นหลัก
นักท่องเที่ยวต่างชาติจะทยอยฟื้นกลับมา ส่วนใหญ่มาจากลุ่มนักท่องเที่ยวยุโรปและสหรัฐอเมริกาเป็นหลัก เนื่องจากประชากรมีการฉีดวัคซีนครบโดสและเริ่มเปิดประเทศทั้งขาเข้าและขาออก คาดว่าปี 2565 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวในไทยจำนวน 3 ล้านคน ทำให้อัตราการเข้าพักที่มาจากนักท่องเที่ยวต่างชาติปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 3.9% จากปี 2564 เฉลี่ยอยู่ที่ 0.7% เท่านั้น และคาดว่ารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท

3.ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ คนจะเที่ยวกันเยอะ
พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญที่จะฟื้นตัวก่อนจะเป็นกลุ่มที่พึ่งนักท่องเที่ยวไทยเป็นหลัก ได้แก่ ระยอง ประจวบคีรีขันธ์ และเชียงใหม่ โดยอัตราการเข้าพักโรงแรมปี 2565 จะทยอยกลับมาอยู่ระหว่าง 32.7 – 43.3% เทียบกับศักยภาพอัตราการเข้าพักโรงแรมที่เคยทำได้ในปี 2562 อยู่ระหว่าง 66 – 74%
4.จังหวัดที่พึ่งพานักท่องเที่ยวต่างชาติคนเข้าพักน้อยกว่าปี 2562
พื้นที่จังหวัดท่องเที่ยวสำคัญที่พึ่งพิงรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก ได้แก่ พังงา ภูเก็ต สุราษฎร์ธานี ชลบุรี กระบี่ กรุงเทพฯ และสงขลา คาดว่าอัตราการเข้าพักโรงแรมในปี 2565 จะค่อนข้างต่ำอยู่ระหว่าง 11.3 – 27.2% เทียบกับศักยภาพอัตราการเข้าพักโรงแรมที่เคยทำได้ในปี 2562 อยู่ระหว่าง 66 – 83% ถือว่าเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง เพราะเน้นกลุ่มต่างชาติเป็นหลัก

นอกจากนี้ ทีทีบี ยังแนะนำให้ผู้ประกอบการจับตลาดไทยให้มากขึ้น ในช่วงที่ต้องรอให้ต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย โดยการปฏิบัติตามแนวทางการเข้าใช้บริการตามมาตรการปลอดภัย (Covid Free Setting) เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด และให้เปิดกิจการได้อย่างปลอดภัย กับ 4 มาตรการสำคัญ คือ
1.ทำความสะอาดทันทีทั้งก่อนและหลังการให้บริการ โดยทำความสะอาดทุกพื้นที่ทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง
2.นำพนักงานทั้งหมดเข้าฉีดวัคซีน และจัดหา Antigen Test Kit (ATK) เพื่อตรวจให้พนักงานทุก 7 วัน
3.จัดทำระบบการเข้ารับบริการ และจัดพื้นที่เข้าใช้บริการไม่ให้หนาแน่นจนเกินไป
4.คัดกรองผู้เข้าใช้บริการโดยต้องผ่านการฉีดวัคซีนครบโดส หรือเป็นผู้ที่เคยมีประวัติการติดเชื้อมาแล้ว 1-3 เดือนและรักษาหายแล้ว มาตรการดังกล่าวจะช่วยทำให้เกิดความปลอดภัยจากการติดเชื้อในสถานประกอบการ และสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้

ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น หวังว่าเพื่อนๆ คงเดินทางท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็ต้องไม่ละเลยเรื่องมาตรการความสะอาด เพื่อนๆ จะได้ไม่ต้องรับเชื้อโรค หรือเป็นผู้แพร่เชื้อโรคระหว่างกัน จะออกไปเที่ยวทั้งทีทุกคนต้องปลอดภัย
ขอบคุณข้อมูลจาก : ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีทีบี หรือ ttb analytics