ตอนนี้น้องๆ หนูๆ ส่วนใหญ่ยังคงต้องเรียนออนไลน์อยู่กับบ้าน เพราะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งเชื่อว่าหลายบ้านคงจะมีปัญหาเด็กๆ อาจจะไม่ตั้งใจเรียนบ้าง ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของเด็กๆ ที่อาจจะไม่มีสมาธิหรือความตั้งใจเท่ากับผู้ใหญ่ เพราะการเรียนแบบออนไลน์ไม่ได้พบหน้าคุณครูแบบตัวเป็นๆ เลยทำให้เด็กขาดความสนใจในการเรียนไปบ้าง ไม่เป็นไรนะคุณพ่อคุณแม่ค่อยๆปรับตัวกันไป และเพื่อให้น้องๆ หันมาตั้งใจเรียนออนไลน์มากขึ้น วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ มีเคล็ดลับและวิธีการแก้ไขปัญหาการเรียนออนไลน์ให้เพื่อนๆ ได้นำไปปรับใช้รับมือกับการเรียนออนไลน์ของเด็กๆ ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย

จากข้อมูลของพญ.ดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว กุมารแพทย์ที่ปรึกษาศูนย์สุขภาพเด็ก โรงพยาบาลนวเวช และเจ้าของเพจ หมอปุ๊ก Doctor For Kids ระบุว่า ปัญหาการเรียนของเด็กว่ามีสาเหตุหลักสำคัญ 3 ด้าน คือ
1.จากตัวเด็กเอง เช่น โรคซน สมาธิสั้น โรคบกพร่องทางการเรียนรู้ (Learning disability) หรือแอลดี สติปัญญาบกพร่อง ปัญหาทางจิตใจอารมณ์ เช่น วิตกกังวล ซึมเศร้า
2.จากครอบครัว เช่น การเลี้ยงดูไม่เอื้อต่อการเรียนของเด็ก รวมไปถึงขาดปัจจัยในการสนับสนุนการเรียน บรรยากาศครอบครัวเคร่งเครียด มีปัญหาความสัมพันธ์ในบ้าน
3.จากโรงเรียน สังคมและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่ส่งเสริมให้เด็กได้เรียนรู้ตามวัย เช่น ระบบการเรียนการสอนของโรงเรียน คุณสมบัติ ความสามารถ และทักษะในการสอนของคุณครู ความสัมพันธ์กับคุณครูและเพื่อนที่โรงเรียน

โดยแต่ละปัญหาก็จะต้องมีวิธีการแก้ไขแตกต่างกันไป อย่างกรณีเป็น “โรคบกพร่องทางการเรียนรู้” ผู้ปกครองคงต้องพาลูกไปปรึกษาจิตแพทย์เด็กหรือกุมารแพทย์ เพื่อทำการประเมิน และวินิจฉัยสาเหตุของปัญหาการเรียนของลูก
อย่างไรก็ตาม หากเด็กไม่ได้มีปัญหาถึงขนาดเป็นโรค เป็นเพียงอาการทั่วไป ที่ขาดความสนใจในการเรียนหรือ เพียงแต่มีปัญหาบางอย่างลองมาดูวิธีการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ซึ่งทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือสสส. ได้แนะนำเคล็ดลับเอาไว้ กับ 13 วิธี ช่วยลูกเรียนออนไลน์ให้มีประสิทธิภาพ
1.เปิดใจยอมรับว่าการเรียนออนไลน์ของลูกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการมองหาข้อดีของการเรียนออนไลน์

2.เมื่อมีข้อจำกัดในการเรียนออนไลน์ ควรเเจ้งให้ครูประจำชั้นทราบโดยเร็ว เพื่อให้ทางโรงเรียนช่วยหาเเนวทางเเก้ไข
3.เรียนรู้วิธีการใช้เทคโนโลยีหรือเเอปพลิเคชันต่างๆ ที่ลูกจำเป็นต้องใช้ในการเรียนออนไลน์
4.ควรจัดห้องหรือสถานที่ในการเรียนออนไลน์ให้เหมาะสม ไม่มีเสียงรบกวนหรือสิ่งเร้าที่จะทำให้ลูกวอกเเวก เเละควรขอความร่วมมือจากผู้ใหญ่ในบ้านไม่ให้รบกวนลูกระหว่างเรียน
5.พยายามจัดตารางสำหรับทำกิจวัตรประจำวันให้ใกล้เคียงกับช่วงปกติที่ลูกไปโรงเรียนเท่าที่เป็นไปได้
6.ศึกษาวิธีการควบคุมการใช้งานอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเเอบเข้าใช้งานเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมระหว่างเรียนออนไลน์

7.พูดคุยกับลูกถึงสิ่งที่ได้เรียนในเเต่ละวัน ช่วยทบทวนเเละตรวจทานการบ้านที่ได้รับมอบหมาย
8.ผู้ใหญ่ในครอบครัวควรช่วยเหลือกันในการช่วยลูกเรียนออนไลน์ ไม่ปล่อยให้เป็นความรับผิดชอบของใครคนใดคนหนึ่ง
9.ทำกิจกรรมออฟไลน์ร่วมกับลูก เช่น วาดรูป อ่านนิทาน
10.ติดต่อกับผู้ปกครองของเพื่อนลูก มีกิจกรรมร่วมกัน หรือช่วยเหลือกันในการจัดการเรียน
11.ติดต่อพูดคุยกับคุณครูอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เข้าใจในสิ่งที่ลูกต้องเรียน เเละสิ่งที่ครูอยากให้ผู้ปกครองช่วย

12.ฝึกตัวเองไม่ให้เครียดหรือวิตกกังวลกับการเรียนออนไลน์ของลูกมากเกินไป
13.หมั่นสำรวจอารมณ์เเละระดับความเครียดของตัวเอง พยายามไม่กดดันทั้งตัวเองเเละลูก เพราะการกดดันมากเกินไปย่อมไม่เป็นผลดีทั้งต่อตัวพ่อเเม่เเละลูก ๆ
เคล็ดลับเหล่านี้ เชื่อว่าถ้านำไปปรับใช้ เด็กๆ ต้องสนุกในการเรียนออนไลน์เพิ่มขึ้นแน่นอน และเมื่อน้องๆ ตั้งใจเรียนมากขึ้น ผลการเรียนก็จะมีประสิทธิภาพเหมือนกับการเรียนในชั้นที่โรงเรียน และคว้าเกรด A มาฝากคุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองทุกวิชาชัวร์

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ,โรงพยาบาลนวเวช