ช่วงที่เรายังคงต้อง work from home กันยู่ที่บ้าน เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนน่าจะงานหนักขึ้น และมีความเครียด เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องสถานที่ การทำงาน และระยะทาง รวมทั้งไม่สามารถผ่อนคลายด้วยกิจกรรมต่างๆ ที่เคยทำ เช่น ไม่สามารถไปกินข้าวร่วมกันกับเพื่อนได้ และไม่สามารถไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ แต่ข้อดีของการทำงานแบบทางไกลก็มีอยู่มากเช่นกันนะเพื่อนๆ เพราะอย่างน้อยก็ทำให้เรารู้ว่า การทำงานที่้บ้าน และประชุมออนไลน์ก็มีประสิทธิภาพ

สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ทำงานอยู่บ้านนานๆ แล้วไฟในการทำงานเริ่มมอด วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ มีเค็ดลับในการสร้างแรงจูงใจในการทำงานให้มีประสิทธิภาพท่ามกลางสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้มาฝาก
1.จัดการความเครียดให้อยู่ในระดับที่รับมือได้
ในการเรียนและการทำงาน ความเครียดสามารถส่งผลได้ทั้งทางดีและทางร้าย เมื่อมีความเครียดน้อยๆ คนเราจะทำงานหรือเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แต่หากเครียดมากถึงจุดหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้จะกลับกลายเป็นตรงข้าม การที่พนักงานไม่สามารถจัดการกับความเครียดได้ด้วยข้อจำกัดในสถานการณ์โควิดนี้ เชื่อได้ว่าหลายคนจะมีความเครียดที่มากไปจนถึงจุดที่ลดศักยภาพการทำงานที่แท้จริงของตนเองลงไป

ดังนั้น การผ่อนคลายความเครียดแม้เพียงเล็กน้อย เช่น การฟังเพลง การได้พูดคุยกับเพื่อนผ่านช่องทางออนไลน์ และการออกไปซื้อของที่ร้านค้าหรือร้านสะดวกซื้อ ก็สามารถส่งผลบรรเทาความเครียดได้
2.สร้างบรรยากาศและความสัมพันธ์ในทีมงาน
การมีเพื่อนร่วมทางหรือลงเรือลำเดียวกัน โดยเฉพาะกับเพื่อนและบุคคล ที่มีความสัมพันธ์ที่คุ้นเคยกัน จะทำให้คนเราเกิดแรงจูงใจในการทำสิ่งต่างๆ ได้มากขึ้น ในโลกของการทำงานที่ไม่ได้พบเจอกันตัวจริงในระยะนี้ การติดต่อสื่อสารกันเป็นระยะ เพื่อให้จิตใจได้พัก และได้รับรู้ถึงการมีตัวตนของกันและกัน จึงสามารถ หล่อเลี้ยงจิตใจที่กำลังกังวลได้มาก

จากผลงานวิจัยระบุว่า การพูดคุยพูดเล่นในเรื่องที่ ‘ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงาน’ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการพูดคุยแบบที่สามารถเห็นสีหน้าท่าทางได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่าย หัวหน้าควรเป็นผู้นำในการสร้างวัฒนธรรมการสื่อสารในโลกเสมือนจริงแบบนี้ เช่น จัดการพบปะแบบสบายๆ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์เป็นหลัก ซึ่งจะทำให้พนักงานรู้สึกได้ว่า แม้จะอยู่ไกลกันแต่ก็ไม่เคยทิ้งกันและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า
3.ทำกิจวัตรประจำวันที่ส่งเสริมสุขภาพจิต
การทำงานจากบ้าน หรือกักตัวอยู่บ้านเพื่อลดการติดเชื้อ เป็นปัจจัยทางอ้อมที่ทำให้สุขภาพจิตแย่ลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอาจไม่ค่อยได้มีการขยับร่างกาย และไม่ได้โดนแดด โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ในบ้านที่ไม่มีบริเวณหรือสวน เราควรจัดเวลาให้ทำกิจกรรมต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอ เช่น การนอน การออกกำลังกาย และกินอาหารอย่างเป็นเวลา จะช่วยให้สุขภาพกายใจดีขึ้น

4.มองหาข้อดีของเหตุการณ์และตัวเอง
ลองใช้วิธีหาข้อดีของสิ่งที่เกิดขึ้น และข้อดีของตัวเองในแต่ละวัน ซึ่งจะทำให้ท่านมองภาพกว้างของเหตุการณ์ และลดความคิดหมกมุ่นกับเรื่องร้ายๆ ได้ เมื่อคนเราต้องเผชิญสถานการณ์ที่ไม่ปกติ และต้องปรับตัว เราอาจได้เรียนรู้ว่า ตัวเราเองสามารถทำได้ในหลายอย่างที่ไม่เคยทำ
หลายคนใช้วิธีการนี้โดยการพิมพ์ข้อดีของสถานการณ์โควิด-19 ลงในสื่อสังคมออนไลน์ และเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ได้ เห็นด้วย เช่น สิ่งแวดล้อมธรรมชาติได้มีโอกาสฟื้นฟู ทะเลสะอาดขึ้น ตัวเราเองได้กลับมาทบทวนมากขึ้นว่า อันที่จริงแล้วสิ่งที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวันมีไม่มาก ทำให้เห็นว่าอะไรที่สำคัญต่อชีวิตอย่างแท้จริง

นอกจากนี้ บางคนยังหันมาให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น และหลายๆ คนอาศัยช่วงเวลานี้ทำกิจกรรมที่เคยอยากทำ แต่ไม่มีเวลา เช่น จัดบ้าน ทำความสะอาดข้าวของ ออกกำลังกายในบ้าน และทำอาหารเอง เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ ให้กับชีวิต เพื่อนๆ ได้ลองทำวิธีไหนไปแล้วบ้าง บอกเลยการมองในแง่ดีถือเป็นอีกหนึ่งแรงดึงดูดที่จะดึงสิ่งดีๆ กลับเข้ามาหาเรา
ขอบคุณข้อมูลจาก : ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)