นับตั้งแต่มีโควิด-19 ระบาด ห้างสรรพสินค้าและร้านค้าส่วนใหญ่ ก็ปิดให้บริการ อยากกิน อยากซื้อของใช้ เชื่อว่าเพื่อนๆ ส่วนใหญ่ก็น่าจะซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพราะทั้งง่ายและสะดวก นั่งรออยู่บ้านเดี๋ยวก็มีของมาส่ง เลยทำให้มูลค่าการซื้อขายออนไลน์พุ่งปรี๊ดกว่าช่วงก่อนมีโควิด-19 มากๆ เพราะใคร ๆ ก็ต้องสั่งของออนไลน์มาใช้ในชีวิตประจำวัน ถือเป็นยุคที่ตลาดออนไลน์เฟื่องฟูมากจริงๆ

แน่นอนการซื้อของออนไลน์ มีวิธีการจ่ายเงินได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งโอนเงิน บัตรเครดิต หรือเก็บเงินปลายทาง สุดแท้แต่เพื่อน ๆ คนไหนจะสะดวกแบบไหน และเพื่อให้เพื่อนๆ เข้าใจถึงการช้อปปิ้งออนไลน์มากขึ้น วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อมูลจาก YouTrip (ยูทริป) ผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) ที่ได้ร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย มาเล่าให้ฟัง
คนไทยช้อปสินค้าต่างประเทศไม่แพ้ในไทย
จากข้อมูลพบว่าในไตรมาส 2 ปี 2564 ผู้บริโภคชาวไทยที่ใช้ YouTrip ในการซื้อของออนไลน์มีการใช้จ่ายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังของโลก เช่น Amazon, Alibaba, Aliexpress, eBay, iHerb, KTown4U และ Taobao มากที่สุด โดยภาพรวมการใช้จ่ายในร้านค้าเหล่านี้โตขึ้นมากกว่า 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า นอกจากนี้ยังพบว่าการใช้จ่ายออนไลน์ เพื่อซื้อสินค้าลักซ์ชัวรี่ (Luxury) เพิ่มมากขึ้น เช่น การซื้อสินค้าแบรนด์หรูอย่าง Farfetch และ Mytheresa รวมไปถึงการซื้อสินค้าประเภทความสวยความงามและเครื่องสำอาง (Beauty & Cosmetics) ก็มียอดขายเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

ใช้เงินเพื่อความบันเทิงเติบโตอย่างก้าวกระโดด
การใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับเกมไม่ว่าจะเป็นเกมมือถือ เกมคอนโซล และเกม PC ล้วนเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา การใช้เงินไปกับการซื้อสินค้าประเภทดังกล่าวมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นกว่า 400% เช่น การใช้จ่ายในเกม Coin Master, Free Fire และ Pub G การซื้อเกมเพื่อเล่นในเครื่องคอนโซลเช่น Nintendo, Xbox และ Playstation รวมถึงการซื้อเกม PC บนแพลตฟอร์มอย่าง Steam นอกจากนี้การใช้จ่ายผ่านวิดีโอสตรีมมิงชื่อดังอย่าง Netflix หรือการสั่ง Food Delivery ผ่าน Line Man Wongnai ก็เติบโตเกิน 400% เช่นเดียวกัน สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ส่วนใหญ่อยู่บ้านมากขึ้นในช่วง Work from home จากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
เด็กไทยอยากเรียนต่อต่างประเทศ
อีกหนึ่งพฤติกรรมที่น่าสนใจ นั่นก็คือ การที่เด็กไทยอยากไปเรียนต่อต่างประเทศมากขึ้น เนื่องจากภาพรวมสถานการณ์โควิด-19 ทั่วโลกที่มีแนวโน้มดีขึ้น จึงทำให้การใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเรียนที่ต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหราชอาณาจักรมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เช่น การจ่ายค่าเล่าเรียน และค่าที่พัก หลังจากที่ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้หายไปในปี 2563 ที่ผ่านมา

การใช้จ่ายเงินที่ไม่ต้องสัมผัสเงิน แบบ cashless ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่ง ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการสัมผัสหรือได้รับเชื้อโรคไวรัสโควิด-19 แต่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ที่ภาวะเศรษฐกิจก็ยังไม่ฟื้นตัว เพื่อนๆ จะใช้จ่ายอะไรก็คิดให้รอบครอบ ใช้จ่ายเท่าที่จำเป็น เพื่อจะได้ไม่ลำบากในวันข้างหน้า แต่หากเพื่อนๆ เงินเหลือใช้เราก็ไม่ว่ากัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : YouTrip