จากการที่เราต้องอยู่บ้านกันนานๆ เชื่อว่าตอนนี้เพื่อนๆ หลายคนน่าจะกลายเป็นเชฟไปเรียบร้อยแล้ว เพราะจากการที่เชื้อไวรัสโควิด-19 ยังคงมีการแพร่ระบาดย่างหนัก การทำกับข้าวกินเองที่บ้านถือว่ามีความปลอดภัยสูงสุด ว่าแต่เมนูสุดฮิตของเพื่อนๆ มีอะไรบ้างน๊า? เหมือนกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ที่สวนดุสิตโพลเค้าสำรวจคววามคิดเห็นไว้หรือเปล่าเอ่ย? วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อมูลจาก สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เกี่ยวกับการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนต่อกรณี “อาหารไทยในยุคโควิด-19” มาเล่าให้ฟัง จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย
จากข้อมูลของการสำรวจระบุว่า คนไทยให้ความสำคัญกับอาหารการกินมากขึ้นถึง 70.94% โดยพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปมากที่สุด คือ การทำอาหารกินเองที่บ้านมากขึ้น 75.81% เนื่องจากมีความเชื่อว่าอาหารไทยสามารถต้านโควิด-19 ได้ คิดเป็น 47.53% และเชื่อว่าต้านทานไม่ได้ 37.90% ซึ่งในส่วนของเมนูอาหารที่เชื่อว่าน่าจะสามารถต้านโควิด-19 ได้ คือ อาหารที่มีส่วนผสมของสมุนไพร 55.09% ผัดกระเพรา 50.63% และอาหารที่มีส่วนผสมของขิง 48.95%
สำหรับเมนูอาหารยอดนิยมที่ทั้งเชฟมือใหม่ และเชฟมือฉมังนิยมปรุงรับประทานหรือทำกินเองบ่อยมากที่สุดในยุคโควิด-19 คือ
อันดับ 1 ผัดกะเพรา 32.23%
อันดับ 2 ต้มยำ 24.91%
อันดับ 3 ผัดผัก/ผัดคะน้า/ผัดขิง 21.60%
อันดับ 4 น้ำพริก-ผักต้ม/น้ำพริกตาแดง/น้ำพริกหนุ่ม 17.60%
อันดับ 5 เมนูไข่ เช่น ไข่เจียว ไข่ดาว ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่ลูกเขย 12.89%
ส่วนอาหารที่ผู้บริโภคเชื่อว่าน่าจะต้านโควิด -19 ได้ คือ
อันดับ 1 อาหารที่มีสมุนไพร 55.09%
อันดับ 2 ผัดกะเพรา 50.63%
อันดับ 3 อาหารที่มีส่วนผสมของขิง 48.95%
อันดับ 4 ต้มยำ 42.56%
อันดับ 5 แกงส้มมะรุม 32.30%
อย่างไรก็ดี หากมองในด้านของค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารในช่วงโควิด-19 พบว่า ผู้บริโภคส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายเรื่องอาหารเพิ่มขึ้น 39.42% หรือเฉลี่ยวันละ 226 บาท เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้จะเน้นไปที่สามารถช่วยสร้างภูมิต้านทานโรคได้ แต่ถึงแม้ว่าจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่ก็ยังคงเลือกที่จะปรุงอาหารรับประทานเอง เพราะช่วยป้องกันตัวเองจากโควิด-19 ในระหว่างที่ต้องรอการฉีดวัคซีนโควิด-19 จากภาครัฐ
นอกจากนี้ ยังพบกว่า การแพร่ระบาดในระลอกที่ 3 นี้ ผู้บริโภคให้ความสำคัญในเรื่องของอาหารการกินมากขึ้น เมื่อเทียบกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ใน 2 ระลอกก่อนหน้านี้ โดย 70.94% มองว่าให้ความสำคัญมากขึ้น 26% ให้ความสำคัญเท่าเดิม และ 3.06% ให้ความสำคัญน้อยลง
ขอบคุณข้อมูลจาก : สวนดุสิตโพล และไทยโพสต์
