ใครที่ชอบอาหารทอดเป็นพิเศษบ้าง ยกมือขึ้นหน่อยยย แต่กินบ่อยๆ หรือซื้อตามร้านก็กลัวจะอ้วนเอาน่ะสิ ทำเองน่าจะปลอดภัยกว่า เพราะเราสามารถเลือกส่วนประกอบให้เหมาะกับที่เราต้องการได้ แล้วการทอดอาหารเอง เพื่อนๆก็สามารถเลือกใช้น้ำมันที่ดีในการทอดอาหารได้ แล้วมีใครรู้บ้างว่า เจ้าน้ำมันสำหรับทำอาหารทอดนั้น มีอะไรบ้าง และความแตกต่างอย่างไร วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ จะชวนเพื่อนๆ มาไขข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำมันสำหรับทอดอาหาร เวลาเพื่อนๆ จะทอดอาหารจะได้ไม่พลาดเรื่องน้ำมันอีกต่อไป ส่วนจะมีอะไรบ้าง แล้วแต่ละชนิดนั้นแตกต่างกันอย่างไร ไปดูกันเลย!

น้ำมันแบบไหนที่เหมาะกับการทำอาหารประเภททอด
การทอดอาหารนั้นจำเป็นจะต้องใช้น้ำมันในปริมาณที่มากกว่าวิธีการทำอาหาประเภทอื่นๆ และใช้ความร้อนในการประกอบอาหารในอุณภูมิที่สูงมาก ซึ่งน้ำมันที่เหมาะกับการทอดอาหาร จึงจำเป็นจะต้องเป็นชนิดที่มีอุณภูมิจุดเกิดควันที่สูง เพราะหากมีจุดเกิดควันที่ต่ำ เท่ากับว่าน้ำมันที่เราใช้ไม่ทนความร้อน จะทำให้มีโอกาสเกิดสารก่อมะเร็งได้มากกว่าน้ำมันที่มีจุดเกิดควันสูง
อย่างไรก็ดี เราใช้น้ำมันที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวทอดอาหารในอุณหภูมิที่สูงได้ แต่คุณภาพของอาหารจะไม่เท่ากับน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัว ดังนั้น เราจึงควรทานอาหารทอดในปริมาณที่พอดี เพราะหากกินเกินปริมาณที่พอดีอาจทำให้เพิ่มโอกาสการเกิดคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ ส่วนน้ำมันที่เราใช้มีกี่ประเภท และแต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติอย่างไรบ้างไปดูกัน

น้ำมันปาล์ม
คือ น้ำมันที่ได้จากผลของต้นปาล์ม นิยมนำไปทำอาหารทอด เพราะทนต่ออุณหภูมิที่สูง ไม่ก่อให้เกิดสารก่อมะเร็งและไม่เหม็นหืนง่าย ราคาถูก แต่ไม่ควรบริโภคในปริมาณมาก เพราะน้ำมันปาล์มมีกรดไขมันอิ่มตัวที่สูง
คุณสมบัติ : มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก ไม่ควรทานในปริมาณมาก, สามารถทอดแบบ Deep fry ได้ และมีจุดเกิดควันที่ 230 องศาเซลเซียส

น้ำมันหมู
คือ น้ำมันที่ได้จากการเจียวส่วนไขมันของหมู ทำให้ไม่มีการเจือปนของสารเคมี เพราะเป็นน้ำมันที่ได้มากจากวิธีทางธรรมชาติ ควรตั้งไว้ในอุณหภูมิปกติ เพราะหากเก็บไว้ในพื้นที่ที่มีอุณหภูมิเย็นจะทำให้เป็นไขได้ง่าย และเหม็นหืน ดังนั้น เพื่อนๆ จึงไม่ควรบริโภคในปริมาณมาก เพราะจะทำให้เกิดคอเลสเตอรอล ซึ่งสามารถพบได้จากน้ำมันจากสัตว์
คุณสมบัติ : มีกรดไขมันอิ่มตัวมาก ไม่ควรทานในปริมาณมาก, สามารถทอดแบบ Deep fry ได้ และมีจุดเกิดควันที่ 183-205 องศาเซลเซียส

น้ำมันรำข้าว
คือ น้ำมันที่ได้จากการสกัดของรำข้าวดิบ ซึ่งมีส่วนประกอบของเอนไซด์หลากหลายชนิดที่จะสามารถช่วยในการลดระดับคอเลสเตอรอลในร่างกายได้ แต่ไม่ควรใช้น้ำมันรำข้าวทอดอาหารเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เกิดไขมันทรานส์ได้
คุณสมบัติ : กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว, สามารถทอดแบบ Deep fry ได้แต่ควรใช้เวลาไม่นาน และมีจุดเกิดควันที่ 254 องศาเซลเซียส

น้ำมันมะพร้าว
คือ น้ำมันที่ได้จากการสกัดน้ำมันของมะพร้าว โดยมีส่วนประกอบหลักที่เรียกว่า MCT (Medium Chain Triglyceride) ซึ่งจะสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายและรวดเร็ว จึงเหลือเป็นไขมันสะสมในร่างกายน้อยเมื่อเทียบกับน้ำมันที่มีกรดไขมันอิ่มตัวชนิดอื่นๆ หากจะพูดถึงโทษ น้ำมันมะพร้่ว ถือเป็นน้ำมันที่ให้โทษต่อสุขภาพน้อยกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังสามารถต่อต้านเชื้อโรคได้ ป้องกันการถูกทำลายด้วยแอลกอฮอล์ รวมถึงปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกันการอักเสบได้อีกด้วย
คุณสมบัติ : มีกรดไขมันอิ่มตัวมากแต่ให้โทษน้อย, ทอดอาหารประเภทใช้น้ำมันน้อย และมีจุดเกิดควันที่ 177 องศาเซลเซียส

นี่เป็นเพียงชนิดน้ำมันส่วนหนึ่งที่เหมาะกับการทอดและหาซื้อได้ค่อนข้างสะดวก แต่ยังมีชนิดของน้ำมันทั้งที่สามารถนำมาทอดได้และไม่ได้อีกมากมาย มีเพื่อนๆคนไหนใช้น้ำมันที่ไม่ตรงกับไลฟ์สไตล์ตัวเองกันอยู่บ้าง เพียงเพื่อนๆทราบถึงคุณสมบัติ และข้อแตกต่าง จุดเด่น จุดด้อยของน้ำมันแต่ละชนิด แล้วนำมาพิจารณา เพื่อนๆ ก็จะเลือกใช้น้ำมันได้ถูกกับนิสัยในการทาน และทำให้อาหารทอดของเพื่อนๆ มีความอร่อยและดีต่อสุขภาพ แต่อย่าลืมว่าเราไม่ควรใช้น้ำมันซ้ำมากกว่า 2-3 ครั้งล่ะ เพียงเท่านี้ นอกจากเพื่อนๆจะเลือกน้ำมันได้ถูกตามไลฟ์สไตล์แล้ว เพื่อนๆ ยังจะมีสุขภาพดีจากการเลือกชนิดน้ำมันที่ดีในการทอดอาหารกันอีกด้วยนะ
ขอบคุณข้อมูลจาก : Gourmetandcuisine, Bestreview และ beautyseefirst