จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำให้หลายคนเริ่มมองหารายได้เสริม แต่ชาวมิตรรู้หรือไม่ว่าก่อนที่จะลุกออกไปทำงานหารายได้เสริม ก็มีหลายสิ่งที่ต้องคิดให้รอบคอบเพื่อให้ต้นทุนตัวเงิน กำลังแรง และเวลาที่ทุ่มเทลงไปมีความคุ้มค่า ดั้งนั้น ก่อนที่จะไปมองหางาน เพื่อให้มีรายได้เสริมเข้ามาเราควรเริ่มต้นจากการทบทวนตัวเองให้แน่ในก่อนว่าเราพร้อมที่จะหารายได้เสริมจริงๆ หรือเปล่า และเพื่อให้ทุกคนกลับไปรีเช็คตัวเอง วันนี้ สามย่านมิตรทาวน์ มีข้อควรคิดดีๆ จาก กรุงศรี Plan your money มาฝากดังนี้

1 มีเวลาพอสำหรับงานเสริมแค่ไหน
งานประจำโดยทั่วไป คือ 8 ชั่วโมง ซึ่งกินเวลาไปถึง 1 ใน 3 ของวันแล้ว และสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยอาจเสียเวลาเพิ่มถึง 1-2 ชั่วโมงต่อวัน ดังนั้น ในแต่ละวันก็จะเหลือเวลาส่วนตัวไม่เกิน 14 ชั่วโมง ซึ่งต้องแบ่งเป็นเวลาพักผ่อนด้วย เพราะฉะนั้น เมื่อคิดจะทำงานหารายได้เสริมจึงควรนำปัจจัยเวลามาคิดเป็น “ต้นทุน” ที่เราลงทุนด้วย อาชีพหรืองานที่จะเลือกทำจึงควรเป็นงานที่ไม่กินเวลามาก ไม่ใช้เวลาเดินทางนาน ไม่เบียดเวลาพักผ่อนจนเกินไป
2.ต้องใช้เงินต้นทุนสำหรับงานเสริมเท่าไร
งานทุกงานมีต้นทุนที่เป็นตัว ‘เงิน’ ต้องเสีย แม้เราอาจเลือกงานที่ไม่ต้องซื้อวัตถุดิบ วัสดุ หรือซื้อของมา สต็อกไว้ แต่ก็อาจมีค่าเดินทาง ค่าอาหาร และค่าดูแลตัวเองเพิ่มเติมทั้งกายและใจด้วย รวมทั้งโอกาสที่จะซื้อของมากขึ้นในระหว่างการเดินทางและระหว่างทำงาน สิ่งที่น่าจะเริ่มทำได้ก่อนที่จะหารายได้เสริมที่ต้องใช้เงินทุนจึงน่าจะเป็นการลดภาระรายจ่ายของเราให้ได้ก่อน

3.ต้นทุนแรงกายคุ้มค่าไหม
ข้อนี้เป็นข้อที่หลายๆ คนละเลย เพราะคิดว่าเตรียมใจมาแล้ว ว่าอย่างไรการทำงานเพิ่มขึ้นก็ต้องเหนื่อย ซึ่งจริงๆ แล้ว เราควรพิจารณาว่าที่ลงแรงไปนั้นคุ้มค่าหรือไม่ เพราะแรงกายของเราไม่ใช่ ‘ต้นทุนเปล่า’ ที่ไม่ต้องดูแลรักษาอะไร หากมุ่งมั่นทำงานเพิ่มขึ้นโดยไม่ใส่ใจการพักผ่อนหรือดูแลสุขภาพ รายจ่ายของเราอาจเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่คาดคิดจากค่ารักษาพยาบาล จนสุดท้ายรายได้เสริมที่เพียรหามาอาจไม่คุ้มค่า
4.มีความเสี่ยงอะไรบ้าง
ประเภทงานเสริมจำพวกทำขนม ทำอาหารเช้า ประดิษฐ์งานฝีมือ หรือค้าขาย จำเป็นต้องมีเงินทุนในการลงทุน นั้นหมายความว่า มีสิทธิ์ขาดทุนเป็นตัวเงินด้วย เพราะวัตถุดิบสามารถเสียได้ หรือวัสดุอาจชำรุดเสียหายได้ หรือสินค้ารอขายก็อาจขายไม่ออก เมื่อจะทำงานประเภทเหล่านี้ จึงควรทบทวนอีกครั้งว่าจะทำงานประเภทอะไรดีที่เราน่าจะขายได้ ไม่ต้องเสียของที่ลงทุนไป

5.มั่นใจหรือไม่ว่าจะไม่กระทบงานประจำ
เรื่องนี้คือเรื่องที่สำคัญที่สุด ต้องตระหนักไว้ว่ารายได้หลักของเราคืองานประจำ หากเราทำงานเสริมที่กระทบเวลาทำงาน หรือทำแล้วเหนื่อยเกินไปจนส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน อาจเกิดข้อผิดพลาดและความเสียหาย รวมทั้ง ส่งผลต่อการประเมินผลซึ่งอาจทำให้เราถูกปลดงานได้ จากที่ตั้งใจว่าจะหารายได้เพิ่มขึ้นก็จะกลายเป็นขาดรายได้ไป
และนอกจาก 5 ข้อที่ควรคิดก่อนเริ่มหารายได้เสริมที่เล่ามาข้างต้น อีกสิ่งที่น่าคิดด้วย คือ “ต้นทุนความสามารถ” หรือถามตัวเองว่าสามารถทำอะไรได้บ้าง เพื่อลดต้นทุนด้านเวลา เงินทุน แรง และความเสี่ยง เพราะทำอะไรที่เรารู้จริงมันสามารถสร้างรายได้ได้