หน้าฝนนี้จะไม่เหงาอีกต่อไป เพราะการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เค้าได้จัดแคมเปญ “We miss the rain” ชวนเที่ยวหน้าฝนกับ 60 สถานที่เที่ยวหน้าฝนที่ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวว่า เป็นสถานที่ที่คิดถึงและอยากไปเที่ยวที่สุดในหน้าฝนนี้ ใครอยากรู้ว่ามีสถานที่ไหนบ้างสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ “60 เส้นทางความสุข” www.hellorainy.60เส้นทางความสุข.com
และเพื่อเป็นการเรียกน้ำย่อย สำหรับวันหยุดที่กำลังจะมาถึงนี้ “สามย่านมิตรทาวน์” ขอยกตัวอย่าง 10 เส้นทาง ยอดฮิต 10 อันดับแรก มาเป็นไอเดียให้กับคนชอบเที่ยวหน่อยละกัน

อันดับที่ 1 “บ้านป่าบงเปียง” อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ แค่เห็นภาพทำให้อยากแพ็คกระเป๋าไปเที่ยวแล้ว ใช่ไหมทุกคน!!! กับความสวยงามของ นาข้าวสีเขียวขั้นบันไดทอดยาวอยู่บนเนินเขา พร้อมจุดไฮไลท์คือ บ้านระเบียงนา ที่สามารถเข้ามาพักและถ่ายรูปวิวสวยได้อย่างจุใจ อีกจุดที่พลาดไม่ได้คือ นาขั้นบันไดรูปหัวใจ มีที่นี้แห่งเดียว

อันดับที่ 2 “นาขั้นบันได โครงการปิดทองหลังพระ” อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ที่มีความงดงามไม่แพ้กัน กับภาพวิวท้องนาข้าวสีเขียวสุดสายตาทอดยาวปกคลุมทั้งภูเขาขนาดเล็กและขนาดใหญ่ อีกจุดสำคัญที่พลาดไม่ได้คือ กาแฟเจี๊ยงลั๊วะ กาแฟอาราบิก้า ของ จ.น่าน ที่ขึ้นชื่อและได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว พร้อมไปเที่ยวต่อ สู่อุทยานแห่งชาติขุนน่าน เจ้าหน้าที่บอกว่า จะต้องตะลึงกับความสวยงามของพืชพรรณไม้ในหน้าฝนที่หนึ่งปีจะมีเพียงครั้งเดียว

อันดับ 3 “นาข้าว-บ้านผาหมอน” จ.เชียงใหม่ โดยเมื่อได้มาสัมผัสบรรยากาศทุ่งนา และเที่ยวไร่ชาลุงเดชที่อยู่ใกล้กันก็สุดจะพิเศษ พร้อมกับจิบชาเขียวในหน้าฝนไปและสูดโอโซนให้เต็มที่ โดยในบริเวณใกล้กันยังมีน้ำตกหมอกฟ้า ในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ – ปุย ให้ไปท่องเที่ยวต่อได้เลย เรียกว่ามาที่นี้คุ้มค่าสุดๆ

อันดับ 4 “ไร่ชาลุงเดช” จ.เชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านกลางหุบเขาที่มีความสวยงาม และมีนาขั้นบันไดที่สวยไม่ที่แพ้ใด ความพิเศษต่อมา คือ ในหมู่บ้านที่เราสามารถเที่ยวชมสัมผัสกับวิถีชีวิตชุมชนชาวกะเหรี่ยงได้อย่างใกล้ชิด แถมมีตลาดชุมชนไทยม้ง ที่มีพืชพันธุ์และผลไม้ตามฤดูกาลรวมไปถึงของพื้นถิ่นต่างๆ ในราคาไม่แพงด้วย

อันดับ 5 “ไร่ชา 2000” จ.เชียงใหม่ อยู่บนดอยอ่างขาง จ.เชียงใหม่ เป็นสถานที่ที่มีชาขั้นบันไดสวยงามอีกแห่งหนึ่ง แต่จุดไฮไลท์ของไร่ชาแห่งนี้ คือ หลังจากฝนตกจะมีหมอกเป็นฉากหลังของไร่ชา และบริเวณใกล้เคียงก็มีไร่สตอเบอรีบ้านนอแล ที่เปิดให้ท่องเที่ยวและชิมสตรอเบอรี่สดๆ ฟินแค่ไหนต้องไปพอสูจน์เอง

อันดับ 6 คือ เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ หน้าฝนทั้งที หากไม่ได้มาเขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ถือว่ายังไม่ได้สัมผัสหน้าฝนที่แท้จริง เพราะที่เขาค้อ เป็นที่ที่สามารถเห็นทะเลหมอกกว้างสุดลูกหูลูกตามีจุดให้ชมทะเลหมอกสวยๆ หลายจุด อย่างเช่นที่ 180 all day all season ที่พักที่สามารถชมหมอกได้เต็มๆ ตาจากระเบียงห้องพัก

อันดับ 7 บ้านอีต่อง เหมืองปิล็อก จ.กาญจนบุรี หมู่บ้านเล็กๆ ที่ยังคงเรื่องราวในอดีตไว้ให้เห็น สำหรับเหมืองปิล๊อก แหล่งเหมืองแร่เก่า เมื่อครั้งที่เต็มไปด้วยแร่ที่มีค่า ถัดไปคือเนินช้างศึกหรือยอดดอยปิล๊อกเป็นจุดที่สามารถมองเห็นทิวเขาสีเขียวเบื้องหน้าได้แบบ 360 องศา

อันดับ 8 สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี เมืองสามหมอก ดินแดนสามวัฒนธรรม ไทย มอญ และกระเหรี่ยง เมืองนี้เต็มไปด้วยมเสน่ห์ในหน้าฝน ไม่ว่าจะเป็นสายหมอกที่พาดผ่านภูเขา สะพานมอญสะพานไม้ที่ยาวที่สุดอันดับ 2 ของโลก วัฒนธรรมแบบชาวไทยมอญ และเมืองบาดาลหรือวัดใต้น้ำ

อันดับ 9 แก่งหินเพิง จ.ปราจีนบุรี ไฮไลท์ของสถานที่นี้ คือ การล่องแก่งหินเพิง บนระยะทางกว่า 4.5 กิโลเมตร ที่สนุกและดื่มด่ำไปกับบรรยากาศของธรรมชาติอันบริสุทธิ์ของสองฝั่งลำน้ำ และการแวะเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติทับลาน เพื่อความงามของธรรมชาติป่าหน้าฝน

อันดับ 10.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี ถือเป็นเขื่อนกักเก็บน้ำที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่สวยงาม จากจุดชมวิวเขา ต.เต่าวิวจากเนินสูงที่มีมุมมองกว้าง สามารถมองเห็นเขื่อนรัชชประภาและความอุดมสมบูรณ์ของป่าไม้คลองพุมดวงได้อย่างเต็มตา และยิ่งในวันที่ฝาตกจะมีสายหมอกปกคลุมทั้งผืนน้ำและเทือกเขาต่าง ๆ ของอุทยานแห่งชาติเขาสก
แค่เห็น 10 อันดับแรกก็อยากชวนแก๊งค์เพื่อน คนรัก และครอบครัวไปออกทริปกันแล้วใช่มั้ยล่ะ เห็นมั้ยน่าฝนมีดีกว่าที่คิด ถ้าใครถามว่าไปเที่ยวหน้าฝนแล้วไงบ้าง ก็บอกไปเลยว่า ลืมเขาไม่ได้จริงๆ แอ๊ะ! “เขา” ในที่นี้หมายถึง เขา…คนนั้นนะ แต่หมายถึง เขาเขียวขจีของนาบันได ไร่ชา และสายหมอก ว่าแล้วไปเก็บกระเป๋ากันเลยดีกว่า…
ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก : hellorainy.60เส้นทางความสุข การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย